ลวดเชื่อม AWS A 5.4 : E316L-16

AWS A 5.4 : E316L-16 คืออะไร?

  • AWS A 5.4 เป็นมาตรฐานของสมาคมเชื่อมแห่งอเมริกา (American Welding Society) ที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับลวดเชื่อมโลหะหุ้มฟลักซ์ (Flux-cored arc welding)
  • E316L-16 เป็นการจำแนกประเภทของลวดเชื่อมตามมาตรฐาน AWS A 5.4 ซึ่งบ่งบอกถึงคุณสมบัติและองค์ประกอบทางเคมีของลวดเชื่อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัว “L” หมายถึง ลวดเชื่อมชนิดนี้มีปริมาณคาร์บอนต่ำ (Low carbon)

คุณสมบัติของลวดเชื่อม E316L-16

  • เป็นลวดเชื่อมสเตนเลสชนิดออสเทนนิติก (austenitic stainless steel) ที่มีส่วนผสมของโครเมียม (Chromium) ประมาณ 18%, นิกเกิล (Nickel) ประมาณ 12%, และโมลิบดีนัม (Molybdenum) ประมาณ 2-3%
  • มีปริมาณคาร์บอนต่ำ (โดยทั่วไปไม่เกิน 0.03%) เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดการกัดกร่อนระหว่างผลึก (intergranular corrosion) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเชื่อมที่อุณหภูมิสูง
  • ออกแบบมาเพื่อเชื่อมเหล็กกล้าไร้สนิมชนิดออสเทนนิติก 316L และเหล็กกล้าไร้สนิมอื่นๆ ที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำ
  • สามารถใช้เชื่อมได้ทุกตำแหน่ง (all-position)
  • ให้ตะเข็บเชื่อมที่มีความแข็งแรงและความเหนียวดี ทนต่อการกัดกร่อน โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีกรดและคลอไรด์
  • เหมาะสำหรับงานเชื่อมที่ต้องการความต้านทานต่อการกัดกร่อนสูง เช่น งานเชื่อมในอุตสาหกรรมเคมี, ปิโตรเคมี, อาหาร, และยา

การใช้งานทั่วไปของ E316L-16

  • งานเชื่อมเหล็กกล้าไร้สนิมชนิดออสเทนนิติก 316L
  • งานเชื่อมเหล็กกล้าไร้สนิมอื่นๆ ที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำ
  • งานเชื่อมในอุตสาหกรรมเคมี, ปิโตรเคมี, อาหาร, และยา
  • งานเชื่อมอุปกรณ์ที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
  • งานเชื่อมที่ต้องทนต่ออุณหภูมิสูง

ข้อควรระวัง

  • การเชื่อมด้วยลวดเชื่อม E316L-16 ควรทำโดยช่างเชื่อมที่มีความชำนาญ
  • ควรเลือกขนาดและประเภทของลวดเชื่อมให้เหมาะสมกับงานและวัสดุที่เชื่อม
  • ควรทำความสะอาดผิวโลหะฐานและร่องเชื่อมให้สะอาดก่อนทำการเชื่อม
  • ควรใช้กระแสไฟฟ้าตรงขั้วตรงข้าม (DCEP) หรือกระแสสลับ (AC) ในการเชื่อม

สรุป

AWS A 5.4 : E316L-16 เป็นลวดเชื่อมสเตนเลสชนิดหนึ่งที่เหมาะสำหรับงานเชื่อมเหล็กกล้าไร้สนิมที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำ มีคุณสมบัติที่ให้ตะเข็บเชื่อมมีความต้านทานต่อการกัดกร่อนสูง โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีกรดและคลอไรด์

ลวดเชื่อม AWS A 5.4 : E310-16

AWS A 5.4 : E310-16 คืออะไร?

  • AWS A 5.4 เป็นมาตรฐานของสมาคมเชื่อมแห่งอเมริกา (American Welding Society) ที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับลวดเชื่อมโลหะหุ้มฟลักซ์ (Flux-cored arc welding)
  • E310-16 เป็นการจำแนกประเภทของลวดเชื่อมตามมาตรฐาน AWS A 5.4 ซึ่งบ่งบอกถึงคุณสมบัติและองค์ประกอบทางเคมีของลวดเชื่อม

คุณสมบัติของลวดเชื่อม E310-16

  • เป็นลวดเชื่อมสเตนเลสชนิดออสเทนนิติก (austenitic stainless steel) ที่มีส่วนผสมของโครเมียม (Chromium) ประมาณ 25% และนิกเกิล (Nickel) ประมาณ 20%
  • ออกแบบมาเพื่อเชื่อมโลหะต่างชนิดกัน (dissimilar metals) และเหล็กกล้าไร้สนิมชนิดออสเทนนิติกที่มีโครเมียมและนิกเกิลสูง
  • มีความต้านทานต่อการเกิดออกซิเดชั่น (oxidation) และการกัดกร่อนที่อุณหภูมิสูงได้ดี
  • สามารถใช้เชื่อมได้ทุกตำแหน่ง (all-position)
  • ให้ตะเข็บเชื่อมที่มีความแข็งแรงและความเหนียวดี ทนต่อการกัดกร่อน และมีคุณสมบัติเชิงกลที่ดีที่อุณหภูมิสูง

การใช้งานทั่วไปของ E310-16

  • งานเชื่อมโลหะต่างชนิดกัน เช่น เหล็กกล้าคาร์บอนกับเหล็กกล้าไร้สนิม
  • งานเชื่อมเหล็กกล้าไร้สนิมชนิดออสเทนนิติกที่มีโครเมียมและนิกเกิลสูง
  • งานเชื่อมซ่อมผิวหน้าที่เสียหายจากการกัดกร่อนหรือออกซิเดชั่นที่อุณหภูมิสูง
  • งานเชื่อมในอุตสาหกรรมเคมี, ปิโตรเคมี, และโรงไฟฟ้า
  • งานเชื่อมที่ต้องทนต่ออุณหภูมิสูง (สูงสุดถึง 1100°C หรือ 2000°F)

ข้อควรระวัง

  • การเชื่อมด้วยลวดเชื่อม E310-16 ควรทำโดยช่างเชื่อมที่มีความชำนาญ
  • ควรเลือกขนาดและประเภทของลวดเชื่อมให้เหมาะสมกับงานและวัสดุที่เชื่อม
  • ควรทำความสะอาดผิวโลหะฐานและร่องเชื่อมให้สะอาดก่อนทำการเชื่อม
  • ควรใช้กระแสไฟฟ้าตรงขั้วตรงข้าม (DCEP) หรือกระแสสลับ (AC) ในการเชื่อม
  • อาจต้องมีการอุ่นชิ้นงานก่อนเชื่อม (preheating) และการควบคุมอุณหภูมิระหว่างการเชื่อม เพื่อป้องกันการแตกร้าว

สรุป

AWS A 5.4 : E310-16 เป็นลวดเชื่อมสเตนเลสชนิดหนึ่งที่เหมาะสำหรับงานเชื่อมโลหะต่างชนิดกัน และงานที่ต้องการความต้านทานต่อการกัดกร่อนและออกซิเดชั่นสูงที่อุณหภูมิสูง

ลวดเชื่อม AWS A 5.4 : E309LMo-16

AWS A 5.4 : E309LMo-16 คืออะไร?

  • AWS A 5.4 เป็นมาตรฐานของสมาคมเชื่อมแห่งอเมริกา (American Welding Society) ที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับลวดเชื่อมโลหะหุ้มฟลักซ์ (Flux-cored arc welding)
  • E309LMo-16 เป็นการจำแนกประเภทของลวดเชื่อมตามมาตรฐาน AWS A 5.4 ซึ่งบ่งบอกถึงคุณสมบัติและองค์ประกอบทางเคมีของลวดเชื่อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัว “L” หมายถึง ลวดเชื่อมชนิดนี้มีปริมาณคาร์บอนต่ำ (Low carbon) และ “Mo” หมายถึง มีส่วนผสมของโมลิบดีนัม (Molybdenum)

คุณสมบัติของลวดเชื่อม E309LMo-16

  • เป็นลวดเชื่อมสเตนเลสชนิดออสเทนนิติก (austenitic stainless steel) ที่มีส่วนผสมของโครเมียม (Chromium) ประมาณ 23%, นิกเกิล (Nickel) ประมาณ 13%, และโมลิบดีนัม (Molybdenum) ประมาณ 2-3%
  • มีปริมาณคาร์บอนต่ำ (โดยทั่วไปไม่เกิน 0.03%) เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดการกัดกร่อนระหว่างผลึก (intergranular corrosion) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเชื่อมที่อุณหภูมิสูง
  • ออกแบบมาเพื่อเชื่อมโลหะต่างชนิดกัน (dissimilar metals) เช่น เหล็กกล้าคาร์บอนกับเหล็กกล้าไร้สนิม, หรือเหล็กกล้าไร้สนิมชนิดต่างๆ ที่มีองค์ประกอบต่างกันมาก รวมถึงเหล็กที่มีส่วนผสมของโมลิบดีนัม
  • สามารถใช้เชื่อมได้ทุกตำแหน่ง (all-position)
  • ให้ตะเข็บเชื่อมที่มีความแข็งแรงและความเหนียวดี ทนต่อการกัดกร่อน และทนต่อการเกิดออกซิเดชั่น (oxidation) และการกัดกร่อนจากสารเคมีบางชนิดได้ดีที่อุณหภูมิสูง
  • เหมาะสำหรับงานเชื่อมที่ต้องการความต้านทานต่อการกัดกร่อนและออกซิเดชั่นสูง โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีกรดซัลฟิวริก (sulfuric acid) และกรดฟอสฟอริก (phosphoric acid) เช่น งานเชื่อมในอุตสาหกรรมเคมี, ปิโตรเคมี, และเยื่อกระดาษ

การใช้งานทั่วไปของ E309LMo-16

  • งานเชื่อมโลหะต่างชนิดกัน เช่น เหล็กกล้าคาร์บอนกับเหล็กกล้าไร้สนิม, หรือเหล็กกล้าไร้สนิมชนิดต่างๆ ที่มีองค์ประกอบต่างกันมาก
  • งานเชื่อมเหล็กที่มีส่วนผสมของโมลิบดีนัม
  • งานเชื่อมซ่อมผิวหน้าที่เสียหายจากการกัดกร่อนหรือออกซิเดชั่น
  • งานเชื่อมในอุตสาหกรรมเคมี, ปิโตรเคมี, เยื่อกระดาษ และปุ๋ย
  • งานเชื่อมที่ต้องทนต่ออุณหภูมิสูงและสภาพแวดล้อมที่มีฤทธิ์กัดกร่อน

ข้อควรระวัง

  • การเชื่อมด้วยลวดเชื่อม E309LMo-16 ควรทำโดยช่างเชื่อมที่มีความชำนาญ
  • ควรเลือกขนาดและประเภทของลวดเชื่อมให้เหมาะสมกับงานและวัสดุที่เชื่อม
  • ควรทำความสะอาดผิวโลหะฐานและร่องเชื่อมให้สะอาดก่อนทำการเชื่อม
  • ควรใช้กระแสไฟฟ้าตรงขั้วตรงข้าม (DCEP) หรือกระแสสลับ (AC) ในการเชื่อม

สรุป

AWS A 5.4 : E309LMo-16 เป็นลวดเชื่อมสเตนเลสชนิดหนึ่งที่เหมาะสำหรับงานเชื่อมโลหะต่างชนิดกัน และงานที่ต้องการความต้านทานต่อการกัดกร่อนและออกซิเดชั่นสูง โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีกรด

ลวดเชื่อม AWS A 5.4 : E309L-16

AWS A 5.4 : E309L-16 คืออะไร?

  • AWS A 5.4 เป็นมาตรฐานของสมาคมเชื่อมแห่งอเมริกา (American Welding Society) ที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับลวดเชื่อมโลหะหุ้มฟลักซ์ (Flux-cored arc welding)
  • E309L-16 เป็นการจำแนกประเภทของลวดเชื่อมตามมาตรฐาน AWS A 5.4 ซึ่งบ่งบอกถึงคุณสมบัติและองค์ประกอบทางเคมีของลวดเชื่อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัว “L” หมายถึง ลวดเชื่อมชนิดนี้มีปริมาณคาร์บอนต่ำ (Low carbon)

คุณสมบัติของลวดเชื่อม E309L-16

  • เป็นลวดเชื่อมสเตนเลสชนิดออสเทนนิติก (austenitic stainless steel) ที่มีส่วนผสมของโครเมียม (Chromium) ประมาณ 23% และนิกเกิล (Nickel) ประมาณ 13%
  • มีปริมาณคาร์บอนต่ำ (โดยทั่วไปไม่เกิน 0.03%) เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดการกัดกร่อนระหว่างผลึก (intergranular corrosion) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเชื่อมที่อุณหภูมิสูง
  • ออกแบบมาเพื่อเชื่อมโลหะต่างชนิดกัน (dissimilar metals) เช่น เหล็กกล้าคาร์บอนกับเหล็กกล้าไร้สนิม, หรือเหล็กกล้าไร้สนิมชนิดต่างๆ ที่มีองค์ประกอบต่างกันมาก
  • สามารถใช้เชื่อมได้ทุกตำแหน่ง (all-position)
  • ให้ตะเข็บเชื่อมที่มีความแข็งแรงและความเหนียวดี ทนต่อการกัดกร่อน และทนต่อการเกิดออกซิเดชั่น (oxidation) ที่อุณหภูมิสูง
  • เหมาะสำหรับงานเชื่อมที่ต้องการความต้านทานต่อการกัดกร่อนและออกซิเดชั่นสูง เช่น งานเชื่อมในอุตสาหกรรมเคมี, ปิโตรเคมี, และโรงไฟฟ้า

การใช้งานทั่วไปของ E309L-16

  • งานเชื่อมโลหะต่างชนิดกัน เช่น เหล็กกล้าคาร์บอนกับเหล็กกล้าไร้สนิม
  • งานเชื่อมเหล็กกล้าไร้สนิมชนิดต่างๆ ที่มีองค์ประกอบต่างกันมาก
  • งานเชื่อมซ่อมผิวหน้าที่เสียหายจากการกัดกร่อนหรือออกซิเดชั่น
  • งานเชื่อมในอุตสาหกรรมเคมี, ปิโตรเคมี, และโรงไฟฟ้า
  • งานเชื่อมที่ต้องทนต่ออุณหภูมิสูง

ข้อควรระวัง

  • การเชื่อมด้วยลวดเชื่อม E309L-16 ควรทำโดยช่างเชื่อมที่มีความชำนาญ
  • ควรเลือกขนาดและประเภทของลวดเชื่อมให้เหมาะสมกับงานและวัสดุที่เชื่อม
  • ควรทำความสะอาดผิวโลหะฐานและร่องเชื่อมให้สะอาดก่อนทำการเชื่อม
  • ควรใช้กระแสไฟฟ้าตรงขั้วตรงข้าม (DCEP) หรือกระแสสลับ (AC) ในการเชื่อม

สรุป

AWS A 5.4 : E309L-16 เป็นลวดเชื่อมสเตนเลสชนิดหนึ่งที่เหมาะสำหรับงานเชื่อมโลหะต่างชนิดกัน และงานที่ต้องการความต้านทานต่อการกัดกร่อนและออกซิเดชั่นสูง

ลวดเชื่อม AWS A 5.4 : E308L-16

AWS A 5.4 : E308L-16 คืออะไร?

  • AWS A 5.4 เป็นมาตรฐานของสมาคมเชื่อมแห่งอเมริกา (American Welding Society) ที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับลวดเชื่อมโลหะหุ้มฟลักซ์ (Flux-cored arc welding)
  • E308L-16 เป็นการจำแนกประเภทของลวดเชื่อมตามมาตรฐาน AWS A 5.4 ซึ่งบ่งบอกถึงคุณสมบัติและองค์ประกอบทางเคมีของลวดเชื่อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัว “L” หมายถึง ลวดเชื่อมชนิดนี้มีปริมาณคาร์บอนต่ำ (Low carbon)

คุณสมบัติของลวดเชื่อม E308L-16

  • เป็นลวดเชื่อมสเตนเลสชนิดออสเทนนิติก (austenitic stainless steel) ที่มีส่วนผสมของโครเมียม (Chromium) ประมาณ 19% และนิกเกิล (Nickel) ประมาณ 9%
  • มีปริมาณคาร์บอนต่ำ (โดยทั่วไปไม่เกิน 0.03%) เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดการกัดกร่อนระหว่างผลึก (intergranular corrosion) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเชื่อมที่อุณหภูมิสูง
  • ออกแบบมาเพื่อเชื่อมเหล็กกล้าไร้สนิมชนิดออสเทนนิติก 304L และเหล็กกล้าไร้สนิมอื่นๆ ที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำถึงปานกลาง
  • สามารถใช้เชื่อมได้ทุกตำแหน่ง (all-position)
  • ให้ตะเข็บเชื่อมที่มีความแข็งแรงและความเหนียวดี ทนต่อการกัดกร่อน และมีคุณสมบัติเชิงกลที่ดีที่อุณหภูมิต่ำ
  • เหมาะสำหรับงานเชื่อมที่ต้องการความต้านทานต่อการกัดกร่อนสูง และใช้งานในสภาวะที่มีอุณหภูมิต่ำ เช่น ถังและท่อส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG), อุปกรณ์ในอุตสาหกรรมเคมี และอุปกรณ์แปรรูปอาหาร

การใช้งานทั่วไปของ E308L-16

  • งานเชื่อมเหล็กกล้าไร้สนิมชนิดออสเทนนิติก 304L
  • งานเชื่อมเหล็กกล้าไร้สนิมอื่นๆ ที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำถึงปานกลาง
  • งานเชื่อมถังและท่อส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)
  • งานเชื่อมอุปกรณ์ในอุตสาหกรรมเคมี
  • งานเชื่อมอุปกรณ์แปรรูปอาหาร

ข้อควรระวัง

  • การเชื่อมด้วยลวดเชื่อม E308L-16 ควรทำโดยช่างเชื่อมที่มีความชำนาญ
  • ควรเลือกขนาดและประเภทของลวดเชื่อมให้เหมาะสมกับงานและวัสดุที่เชื่อม
  • ควรทำความสะอาดผิวโลหะฐานและร่องเชื่อมให้สะอาดก่อนทำการเชื่อม
  • ควรใช้กระแสไฟฟ้าตรงขั้วตรงข้าม (DCEP) หรือกระแสสลับ (AC) ในการเชื่อม

สรุป

AWS A 5.4 : E308L-16 เป็นลวดเชื่อมสเตนเลสชนิดหนึ่งที่เหมาะสำหรับงานเชื่อมเหล็กกล้าไร้สนิมที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำ มีคุณสมบัติที่ให้ตะเข็บเชื่อมมีความต้านทานต่อการกัดกร่อนสูง และมีคุณสมบัติเชิงกลที่ดีที่อุณหภูมิต่ำ

ลวดเชื่อม AWS A 5.4 : E307-16

AWS A 5.4 : E307-16 คืออะไร?

  • AWS A 5.4 เป็นมาตรฐานของสมาคมเชื่อมแห่งอเมริกา (American Welding Society) ที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับลวดเชื่อมโลหะหุ้มฟลักซ์ (Flux-cored arc welding) ที่ใช้สำหรับเหล็กกล้ากำลังรับแรงดึงสูง และเหล็กทนความร้อน
  • E307-16 เป็นการจำแนกประเภทของลวดเชื่อมตามมาตรฐาน AWS A 5.4 ซึ่งบ่งบอกถึงคุณสมบัติและองค์ประกอบทางเคมีของลวดเชื่อม

คุณสมบัติของลวดเชื่อม E307-16

  • เป็นลวดเชื่อมสเตนเลสชนิดออสเทนนิติก (austenitic stainless steel) ที่มีส่วนผสมของแมงกานีส (Manganese) สูง (ประมาณ 4-6%)
  • ออกแบบมาเพื่อเชื่อมโลหะต่างชนิดกัน และเหล็กกล้าที่มีส่วนผสมของแมงกานีสสูง เช่น เหล็กกล้าผสมแมงกานีสสูง (high manganese steel), เหล็กสำหรับทำเกราะ (armor steel), และเหล็กชุบแข็งได้ (hardenable steel)
  • มีความต้านทานต่อการแตกร้าวที่ดี
  • สามารถใช้เชื่อมได้ทุกตำแหน่ง (all-position)
  • ให้ตะเข็บเชื่อมที่มีความเหนียวดี ทนต่อแรงกระแทกได้ดี โดยเฉพาะที่อุณหภูมิต่ำ

การใช้งานทั่วไปของ E307-16

  • งานเชื่อมโลหะต่างชนิดกัน เช่น เหล็กกล้าคาร์บอนกับเหล็กกล้าผสมแมงกานีสสูง
  • งานเชื่อมเหล็กกล้าผสมแมงกานีสสูง
  • งานเชื่อมเหล็กสำหรับทำเกราะ
  • งานเชื่อมเหล็กชุบแข็งได้
  • งานเชื่อมที่ต้องการความเหนียวสูงที่อุณหภูมิต่ำ เช่น ถังและท่อส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)

ข้อควรระวัง

  • การเชื่อมด้วยลวดเชื่อม E307-16 ควรทำโดยช่างเชื่อมที่มีความชำนาญ
  • ควรเลือกขนาดและประเภทของลวดเชื่อมให้เหมาะสมกับงานและวัสดุที่เชื่อม
  • ควรทำความสะอาดผิวโลหะฐานและร่องเชื่อมให้สะอาดก่อนทำการเชื่อม
  • ควรใช้กระแสไฟฟ้าตรงขั้วตรงข้าม (DCEP) ในการเชื่อม

สรุป

AWS A 5.4 : E307-16 เป็นลวดเชื่อมชนิดพิเศษที่เหมาะสำหรับงานเชื่อมโลหะต่างชนิดกัน และเหล็กกล้าที่มีส่วนผสมของแมงกานีสสูง มีคุณสมบัติที่ให้ตะเข็บเชื่อมมีความเหนียวและทนต่อแรงกระแทกได้ดี โดยเฉพาะที่อุณหภูมิต่ำ

ลวดเชื่อม AWS A 5.15 : ENi-CI

AWS A 5.15 : ENi-CI คืออะไร?

  • AWS A 5.15 เป็นมาตรฐานของสมาคมเชื่อมแห่งอเมริกา (American Welding Society) ที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับลวดเชื่อมโลหะหุ้มที่ใช้สำหรับเชื่อมเหล็กหล่อ (Cast Iron) และโลหะผสมนิกเกิล
  • ENi-CI เป็นการจำแนกประเภทของลวดเชื่อมตามมาตรฐาน AWS A 5.15 ซึ่งบ่งบอกถึงคุณสมบัติและองค์ประกอบทางเคมีของลวดเชื่อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัว “Ni” หมายถึง นิกเกิล (Nickel) และ “CI” หมายถึง Cast Iron (เหล็กหล่อ)

คุณสมบัติของลวดเชื่อม ENi-CI

  • เป็นลวดเชื่อมชนิดโลหะผสมนิกเกิล ที่มีนิกเกิลเป็นส่วนประกอบหลัก (โดยทั่วไปประมาณ 99%)
  • ออกแบบมาเพื่อเชื่อมเหล็กหล่อชนิดต่างๆ เช่น เหล็กหล่อเทา (Gray cast iron), เหล็กหล่อเหนียว (Ductile cast iron), และเหล็กหล่อ Temper
  • สามารถใช้เชื่อมต่อเหล็กหล่อกับเหล็กหล่อ, เหล็กหล่อกับเหล็กกล้าคาร์บอน, และเหล็กหล่อกับโลหะที่ไม่ใช่เหล็กบางชนิด
  • ให้ตะเข็บเชื่อมที่มีความเหนียวดี ทนต่อการแตกร้าว และสามารถตัดเฉือนได้ (machinable)
  • เหมาะสำหรับงานซ่อมแซมและเชื่อมต่อชิ้นส่วนเหล็กหล่อ เช่น บล็อกเครื่องยนต์, ฝาสูบ, ชิ้นส่วนเครื่องจักร, และโครงต่างๆ

การใช้งานทั่วไปของ ENi-CI

  • งานซ่อมแซมรอยแตกและรอยร้าวในชิ้นส่วนเหล็กหล่อ
  • งานเชื่อมต่อชิ้นส่วนเหล็กหล่อที่แตกหัก
  • งานเชื่อมต่อเหล็กหล่อกับเหล็กกล้าคาร์บอน
  • งานเชื่อมต่อเหล็กหล่อกับโลหะที่ไม่ใช่เหล็กบางชนิด

ข้อควรระวัง

  • การเชื่อมด้วยลวดเชื่อม ENi-CI มักจะต้องมีการอุ่นชิ้นงานก่อนเชื่อม (preheat) และควบคุมอุณหภูมิระหว่างการเชื่อม เพื่อลดความเสี่ยงของการแตกร้าว
  • การเชื่อมควรทำโดยช่างเชื่อมที่มีความชำนาญและมีความรู้เกี่ยวกับการเชื่อมเหล็กหล่อ
  • ควรเลือกขนาดและประเภทของลวดเชื่อมให้เหมาะสมกับงานและวัสดุที่เชื่อม

สรุป

AWS A 5.15 : ENi-CI เป็นลวดเชื่อมที่เหมาะสำหรับงานเชื่อมและซ่อมแซมเหล็กหล่อ มีคุณสมบัติที่ให้ตะเข็บเชื่อมมีความเหนียว ทนต่อการแตกร้าว และสามารถตัดเฉือนได้

ลวดเชื่อม AWS A 5.15 : ENiFe-CI

AWS A 5.15 : ENiFe-CI คืออะไร?

  • AWS A 5.15 เป็นมาตรฐานของสมาคมเชื่อมแห่งอเมริกา (American Welding Society) ที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับลวดเชื่อมโลหะหุ้มที่ใช้สำหรับเชื่อมเหล็กหล่อ (Cast Iron) และโลหะผสมนิกเกิล-เหล็ก
  • ENiFe-CI เป็นการจำแนกประเภทของลวดเชื่อมตามมาตรฐาน AWS A 5.15 ซึ่งบ่งบอกถึงคุณสมบัติและองค์ประกอบทางเคมีของลวดเชื่อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัว “Ni” หมายถึง นิกเกิล (Nickel) และ “Fe” หมายถึง เหล็ก (Iron) ส่วน “CI” หมายถึง Cast Iron (เหล็กหล่อ)

คุณสมบัติของลวดเชื่อม ENiFe-CI

  • เป็นลวดเชื่อมชนิดโลหะผสมนิกเกิล-เหล็ก ที่มีนิกเกิลเป็นส่วนประกอบหลัก (โดยทั่วไปประมาณ 55%)
  • ออกแบบมาเพื่อเชื่อมเหล็กหล่อชนิดต่างๆ เช่น เหล็กหล่อเทา (Gray cast iron), เหล็กหล่อเหนียว (Ductile cast iron), และเหล็กหล่อ Temper
  • สามารถใช้เชื่อมต่อเหล็กหล่อกับเหล็กหล่อ, เหล็กหล่อกับเหล็กกล้าคาร์บอน, และเหล็กหล่อกับโลหะที่ไม่ใช่เหล็กบางชนิด
  • ให้ตะเข็บเชื่อมที่มีความเหนียวดี ทนต่อการแตกร้าว และสามารถตัดเฉือนได้ (machinable)
  • เหมาะสำหรับงานซ่อมแซมและเชื่อมต่อชิ้นส่วนเหล็กหล่อ เช่น บล็อกเครื่องยนต์, ฝาสูบ, ชิ้นส่วนเครื่องจักร, และโครงต่างๆ

การใช้งานทั่วไปของ ENiFe-CI

  • งานซ่อมแซมรอยแตกและรอยร้าวในชิ้นส่วนเหล็กหล่อ
  • งานเชื่อมต่อชิ้นส่วนเหล็กหล่อที่แตกหัก
  • งานเชื่อมต่อเหล็กหล่อกับเหล็กกล้าคาร์บอน
  • งานเชื่อมต่อเหล็กหล่อกับโลหะที่ไม่ใช่เหล็กบางชนิด

ข้อควรระวัง

  • การเชื่อมด้วยลวดเชื่อม ENiFe-CI มักจะต้องมีการอุ่นชิ้นงานก่อนเชื่อม (preheat) และควบคุมอุณหภูมิระหว่างการเชื่อม เพื่อลดความเสี่ยงของการแตกร้าว
  • การเชื่อมควรทำโดยช่างเชื่อมที่มีความชำนาญและมีความรู้เกี่ยวกับการเชื่อมเหล็กหล่อ
  • ควรเลือกขนาดและประเภทของลวดเชื่อมให้เหมาะสมกับงานและวัสดุที่เชื่อม

สรุป

AWS A 5.15 : ENiFe-CI เป็นลวดเชื่อมที่เหมาะสำหรับงานเชื่อมและซ่อมแซมเหล็กหล่อ มีคุณสมบัติที่ให้ตะเข็บเชื่อมมีความเหนียว ทนต่อการแตกร้าว และสามารถตัดเฉือนได้

ลวดเชื่อม DIN 8555 : E 3-UM-600

DIN 8555 : E 3-UM-600 คืออะไร?

  • DIN 8555 เป็นมาตรฐานเยอรมันที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับลวดเชื่อมที่ใช้ในการเชื่อมผิวแข็ง (hardfacing) ซึ่งเป็นกระบวนการเชื่อมที่เพิ่มชั้นของโลหะผสมที่มีความแข็งและทนต่อการสึกหรอบนพื้นผิวของชิ้นงาน เพื่อเพิ่มอายุการใช้งานและความทนทานต่อการสึกหรอ การกัดกร่อน หรือแรงกระแทก
  • E 3-UM-600 เป็นการจำแนกประเภทของลวดเชื่อมตามมาตรฐาน DIN 8555 ซึ่งบ่งบอกถึงคุณสมบัติและองค์ประกอบทางเคมีของลวดเชื่อม

คุณสมบัติของลวดเชื่อม E 3-UM-600

  • เป็นลวดเชื่อมชนิดฟลักซ์หุ้มหนา (Thick coated electrode)
  • ให้ค่าความแข็งของโลหะเชื่อมอยู่ที่ประมาณ 600 HB (Brinell Hardness Number) ซึ่งถือว่ามีความแข็งสูงมาก
  • มีส่วนผสมหลักเป็นโครเมียมคาร์ไบด์ (Chromium carbide) ซึ่งให้ความทนทานต่อการสึกหรอจากการขัดสี (abrasion) และแรงกระแทก (impact) ได้ดีเยี่ยม
  • เหมาะสำหรับงานเชื่อมผิวแข็งบนชิ้นงานที่ต้องรับแรงกระแทกสูงและการสึกหรอจากการเสียดสีของโลหะกับโลหะ รวมถึงการสึกหรอจากการเสียดสีกับวัสดุที่ไม่ใช่โลหะ (เช่น ดิน หิน ทราย)
  • สามารถเชื่อมได้ทุกตำแหน่ง ยกเว้นแนวตั้งลง (vertical-down)
  • โลหะเชื่อมมีความต้านทานต่อการแตกร้าวสูง และไม่มีรูพรุน

การใช้งานทั่วไปของลวดเชื่อม E 3-UM-600

  • งานเชื่อมผิวแข็งบนชิ้นส่วนที่ต้องรับแรงกระแทกและการสึกหรอสูง เช่น
    • ฟันของรถขุด
    • ใบมีดของรถตัก
    • กรวยบด
    • ค้อนทุบ
    • ชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และการก่อสร้าง
    • ชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมผลิตปูนซีเมนต์

ข้อควรพิจารณาในการใช้งาน

  • ควรใช้กระแสตรงชนิดขั้วบวก (DC+) ในการเชื่อม
  • อาจจำเป็นต้องมีการอุ่นชิ้นงานก่อนเชื่อม (preheating) และการอบชิ้นงานหลังเชื่อม (post-weld heat treatment) เพื่อลดความเสี่ยงของการแตกร้าว และปรับปรุงคุณสมบัติเชิงกลของโลหะเชื่อม
  • เนื่องจากมีความแข็งสูงมาก การตัดเฉือน (machining) โลหะเชื่อมอาจทำได้ยาก

สรุป

DIN 8555 : E 3-UM-600 เป็นลวดเชื่อมผิวแข็งที่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งสูงมาก และทนทานต่อการสึกหรอจากการขัดสีและแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม มักใช้ในอุตสาหกรรมหนัก เช่น เหมืองแร่ การก่อสร้าง และการผลิตปูนซีเมนต์

ลวดเชื่อม DIN 8555 :E 1-UM-250

DIN 8555 : E 1-UM-250 คืออะไร?

  • DIN 8555 เป็นมาตรฐานเยอรมันที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับลวดเชื่อมที่ใช้ในการเชื่อมผิวแข็ง (hardfacing) ซึ่งเป็นกระบวนการเชื่อมที่เพิ่มชั้นของโลหะผสมที่มีความแข็งและทนต่อการสึกหรอบนพื้นผิวของชิ้นงาน เพื่อเพิ่มอายุการใช้งานและความทนทานต่อการสึกหรอ การกัดกร่อน หรือแรงกระแทก
  • E 1-UM-250 เป็นการจำแนกประเภทของลวดเชื่อมตามมาตรฐาน DIN 8555 ซึ่งบ่งบอกถึงคุณสมบัติและองค์ประกอบทางเคมีของลวดเชื่อม

คุณสมบัติของลวดเชื่อม E 1-UM-250

  • เป็นลวดเชื่อมชนิดฟลักซ์หุ้มหนา (Thick coated electrode)
  • ให้ค่าความแข็งของโลหะเชื่อมอยู่ที่ประมาณ 250 HB (Brinell Hardness Number) ซึ่งถือว่ามีความแข็งปานกลาง
  • สามารถตัดเฉือน (machinable) ได้ด้วยการกลึง
  • เหมาะสำหรับงานเชื่อมผิวแข็ง (build-up, buffer, and hardfacing) บนชิ้นงานที่ต้องรับแรงกระแทกสูงและการสึกหรอจากการเสียดสีของโลหะกับโลหะ
  • สามารถเชื่อมได้ทุกตำแหน่ง ยกเว้นแนวตั้งลง (vertical-down)
  • โลหะเชื่อมมีความต้านทานต่อการแตกร้าวสูง และไม่มีรูพรุน

การใช้งานทั่วไปของลวดเชื่อม E 1-UM-250

  • งานเชื่อมผิวแข็งบนชิ้นส่วนที่ต้องรับแรงกระแทกและการสึกหรอจากการเสียดสีของโลหะกับโลหะ เช่น
    • ฟันของรถขุด
    • ใบมีดของรถตัก
    • ลูกกลิ้ง
    • เครื่องมือตัด
    • ชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และการก่อสร้าง

ข้อควรพิจารณาในการใช้งาน

  • ควรใช้กระแสตรงชนิดขั้วบวก (DC+) ในการเชื่อม
  • อาจจำเป็นต้องมีการอุ่นชิ้นงานก่อนเชื่อม (preheating) โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชิ้นงานที่มีความหนามาก เพื่อลดความเสี่ยงของการแตกร้าว

สรุป

DIN 8555 : E 1-UM-250 เป็นลวดเชื่อมผิวแข็งที่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งปานกลางและสามารถตัดเฉือนได้ มีความต้านทานต่อการแตกร้าวสูง และสามารถเชื่อมได้ทุกตำแหน่ง ยกเว้นแนวตั้งลง