เปลี่ยนล้อประตูรั้วไม่ยาก วันนี้เรามาเปลี่ยนล้อประตูรั้วกันครับ!!

เปลี่ยนล้อประตูบ้าน

0. เตรียมของให้พร้อม

ผมจะบอกว่า การที่จะเตรียมของให้พร้อมจริงๆนั้นกับงานช่างแล้ว เป็นอะไรที่ยากมากพอสมควร นอกจากว่าคุณจะมีเครื่องไม้เครื่องมือพรั่งพร้อมเหมือนช่าง หรือไม่เป็นเป็นช่างอะไรสักอย่างก่อนอยู่แล้ว ทำให้ขาดเหลืออะไรก็หยิบเครื่องมือออกมาจากในลังได้เลย

ฉนั้นหากอยากเตรียมพร้อมแบบวิ่งไปซื้อของมาทีเดียวเลย ให้อ่านจบก่อนสักรอบ แล้ววิ่งไปดูประตูบ้านของตัวเอง ว่าถ้าทำตามแล้วจะไม่เกิดปัญหาตามมาอีกที

อุปกรณ์ที่ผมใช้ในเรื่องนี้ก็จะมี

  • ประแจเลื่อน 2 ตัว ใหญ่ตัวนึง เล็กตัวนึง
  • มีที่อยู่ในครัว
  • สเปรย์จารบีขาว (อันนี้กระป๋องละ 310 บาท)
  • ล้อประตูรั้ว 3 นิ้ว กว้าง 1-1/4 รูน็อต 1/2 จำนวน 2 ตัว พอดีแตกแค่ 2 ตัวเลยเปลี่ยนแค่ 2 ตัว
  • ไม่ยาวๆ 1 ท่อ
  • หมอนไม้ เอามายกประตู
  • มีผ้าเอาไว้เช็ดมือ เช็ดสนิม สักผืนก็ดี

1. เริ่มต้นสำรวจประตูบ้านกันก่อน

ชุดล้อประตูรั้ว

จากที่เจอลูกค้าเข้ามาถามมากมายทำให้ผมรู้ว่าแต่ละคนขาดอะไรบ้าง ทีนี้คนที่มาซื้อล้อประตูรั้วมีหลากหลายรูปแบบที่เข้ามา เช่น

คนที่ไม่รู้อะไรเลย

ไม่ว่าจะ หุน นิ้ว กว้าง ยาว สูง ช่างบอกให้ซื้อของก็เลยเริ่มหาข้อมูลใน Google อาจจะมาเจอเนื้อหาอันนี้ก่อนหรือหลังที่ซื้อของเสร็จแล้วก็ได้ จะบอกว่า กลุ่มนี้ต้องพึ่งช่างเยอะหน่อย เครื่องมือในการวัดอาจจะมีแค่ไม้บรรทัด อาจจะซื้อของผิดๆถูกๆได้ ความจริงถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนี้ ผมแนะนำให้จ้างช่างไปเลย

วิธีจ้างช่างก็คือ บอกเค้าไปตรงๆนี่แหละว่าประตูล้อหน้าบ้านมันฝืด รับบริการเปลี่ยนล้อให้ไหม ถ้าตกลงกันปกติแล้วก็จะไม่คิดมัดจำกันด้วย ช่างดีๆหน่อยก็จะนัดว่าวันใหนเมื่อใหร่ มีการติดตามนัดล่วงหน้าก่อนเข้าหน้างานจริงๆ เพราะเค้าไม่ซื้อของแล้วไปรอทำหรอก บ้านแต่ละคนขนาดก็ไม่ตรงกัน อาจจะมีมอเตอร์อัตโนมัติ รวมถึงพื้นทรุด ที่ล้อมันไม่หมุนหรือฝืดอาจจะเป็นเพราะอย่างอื่นทำให้ฝืดก็ได้

ถ้ามาตามนัด เค้าก็จะมาดูหน้างาน ตกลงกันเสร็จจะจ่ายก่อนไปซื้อของ หรือซื้อก่อนจ่ายค่าทำ ก็ตามตกลงกัน หลังจากไปซื้อของมา ถ้าเปลี่ยนล้อ ก็ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมงเสร็จ

ค่าใช้จ่าย ก็คิดว่า ช่าง 1-2 คน จำนว 1 วัน + ค่าเดินทาง + ค่าของ อาจจะสัก 2000 ขึ้นไปอ่ะนะ

กลุ่มคนที่มีความรู้ความสามารถ

ขาดแค่แนวทางในการหาของมาเปลี่ยน ไม่ว่าจะเรียนอะไรมาก แต่รู้ว่ามันก็แค่ขันน็อต เปลี่ยนล้อและพอรู้ว่าตลับล้อฝืดคืออะไร กลุ่มนี้ให้วัดของให้ตรง ถ้ามีเครื่องมือ ลองแกะล้อออกมาเพื่อเช็ค หรือก็ลองตรวจดูก่อนว่าปัญหาคือล้อจริงๆใช่ไหม ถ้าจริงก็หาซื้อของแล้วลงมือโลด ไม่น่าจะติดปัญหาอะไร

กลุ่มช่างที่ทำงานประตูอยู่แล้ว

ถามจริงๆเหอะ ว่ามาอ่านแบบนี้ทำไม ไปทำงานได้แล้ว


2. เลือกซื้อล้อประตูมาใส่ให้ตรงขนาดเดิม

การเลือกซื้อล้อประตูนั้นหากจะแนะนำให้ง่ายและดีที่สุดนั่นก็คือ “เลือกซื้อให้เหมือนของเดิม” การซื้อขนาดเดิม แบบเดิม ทรงเดิม ร่องเดิม วัสดุเดิม ยิ่งถ้าได้ยี่ห้อเดิมได้ด้วยก็จะยิ่งดีมาเปลี่ยน จะทำให้เราไม่ต้องปรับอะไรอย่างอื่นเลย

ถามว่าปรับในที่นี่ปรับอะไรบ้าง

  1. ถ้าล้อเล็กลง ระดับจะเตี้ยลง หูช้างล็อคกุญแจจะไม่ตรงตำแหน่งเดิม ถ้ามีมอเตอร์ประตู ประตูก็จะแขวนบนมอเตอร์ จนเผลอๆหนักจนไม่หมุนจนพังอีก ตัวประคองที่ทำไว้พอดีหากประตูเตี้ยลง ก็อาจจะล้มลงมาทับคนได้
  2. หากล้อใหญ่ขึ้น ก็จะคล้ายๆกับเล็กลง คือระดับต่างๆเปลี่ยนไป การเปลี่ยนไปในทางที่สูงจะทำให้ติดขัดๆ อาจจะเลื่อนไม่สุดเพราะติดขอบบนของตัวกันล้มก็ได้ หากมีมอเตอร์ประตูก็ต้องตั้งค่ารางให้ลงมาลงฟันเฟืองพอดี ไม่งั้นก็เฟืองเสีย

ล้อประตูในแต่ละยี่ห้อ ก็จะมี ขนาดเส้นผ่านศุนย์กลางพอๆกัน อาจจะต่างกันนิดๆหน่อยๆ มีหน้กว้างพอๆกัน และมีรูน็อตพอๆกัน สิ่งที่ทำให้ระดับประตูต่างกันอีกก็จะมีความลึกของร่องล้อ หากหายี่ห้อเดิมไม่ได้จริงๆ ตอนที่เอาไปติดตั้งก็ต้องตั้งค่านิดๆหน่อยเพื่อให้ใช้งานได้ดี

หากต้องการจะเปลี่ยนทั้งเสื้อล้อ อันนี้ก็ต้องยากหน่อย เพราะต้องเอาของเดิมออก แล้วก็เอาอันใหม่เชื่อมเข้าไป งานทั้งหมดถ้าเชื่อมได้ก็โอเคเลย ทำเลยครับ

สิ่งที่จำเป็นต้องรู้ตอนเลือกล้อก็คือ

  1. เส้นผ่านศุนย์กลางล้อ ชอบเรียกหน่วยเป็นนิ้วกัน
  2. หน้ากว้างล้อ หน่วยเป็นนิ้วบ้าง มิลบ้าง ต้องเลือกซื้อให้ตรง ไม่งั้นอาจจะใส่เข้าไปในร่องเดิมมันไม่ได้
  3. รูน็อต อันนี้ต้องรู้ว่าใช้น็อตกี่หุน หรือกี่มิล ดีที่ในตลาดก็มีแค่ 3หุน กับ 4หุน เป็นส่วนใหญ่
  4. ร่องของราง ให้ดูล้อเดิมเป็นหลัก ว่ากลม หรือ เป็นฉาก
  5. วัสดุที่ใช้ทำล้อ เป็นล้อเหล็ก หรือ ล้อสแตนเลส หรืออาจจะเป็นซุปเปอร์ลีนสีขาวก็ได้
  6. อันนี้ตัวเสริมก็คือยี่ห้อ บางยี่ห้อก็มีประทับตราลงไป บางอันก็ไม่มี

3. เริ่มถอดล้อประตู

การจะถอดล้อประตูรั้วมาดูแล อย่าไปคิดว่าเราต้องถอดประตูออกมาทั้งบานนะครับ ทำให้มันเล็กเข้าไว้

แค่เอาไม้มาสอด แล้วงัดขึ้นให้ล้อมันลอยก็ได้แล้ว อาจจะลอยได้ไม่สูงมากเพราะติดตัวกันล้ม แต่ก็แต่แค่นี้ก็สามารถขันเปลี่ยนได้แล้ว

*** จะลองสอดแล้วยก เพื่อเช็คแต่ละลูกให้เสร็จก่อนก็ได้นะ จะได้ดูว่า แตกกี่ลูก หรือมันแค่ฝืด ***

ล้อลอยจากพื้นแล้ว เอามือหมุนดูได้เลย

จากนั้นก็เอาประแจถอดเลย

บางบ้าน อาจจะเจอช่าง เอาเครื่องเชื่อม เชื่อมหัวน็อตไว้ เพื่อไม่ให้น็อตคลายออกจากกัน มันเ้ป็นวิธีการที่ดีตอนติดตั้ง แต่ว่าถ้าเป็นคนมาเปลี่ยนล้อก็จะกุมขมับหน่อยน่ะครับ

เมื่อเกลียวของน็อตล้อเสียแล้ว วิ่งที่ต้องทำก็จะงอกเพิ่มขึ้นมา นั่นก็คือ การตัดน็อตเดิมออก เพื่อถอดล้อออกมา แล้วก็อย่าลืมซื้อน็อตใหม่มาด้วย


4. หยอดน้ำมันหล่อลื่น

ล้อประตูที่ขายในตลาดจะมีลูกปืนอยู่ข้างในเป็นตลับ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรุ่นที่มีฝาพลาสติกปิดอยู่ เราก้แค่เอาของแหลมๆ แงะฝาออกมาเลยครับ

ไม่ได้ยากเย็นอะไร แงะออกมาทั้ง 2 ด้านได้เลย

เมื่อเราเห็นใส้ในมัน เราก็จะรู้ได้แล้วแหละว่า มันแตกเพราะอะไร หรือมันแค่ฝืด หรือมีอะไรเข้าไปขัดในตลับ

ลองฉีดจารบีเพื่อหล่อลื่นแล้วหมุนมันก่อนเพื่อเช็คว่าแตกหรือไม่ก็ได้

เราควนใช้จาบรีนะครับ ไม่ว่าจะเป็นหลอด เป็นกระปุก สีใหนก็ได้ สำหรับประตูบ้านไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น

พยายามอย่าใช้พวก Sonax นะครับ มันไม่เหมาะ มันช่วยล้างคราบสนิมได้ดี แต่ว่ามันไม่ลื่น ถ้าจะใช้ก็ใช้ล้างคราบก่อน แล้วก็ฉีดจารบีลงไปเลย

ในที่นี่ผมใช้ WD-40 ที่เป็นจารบีขาวนะครับ อย่าซื้อผิดฉลาดนะ เอาไว้ใช้หล่อลื่นงานพวกบูซ แล้วมันก็จะกันน้ำด้วย ทำให้น้ำเข้าได้ยากขึ้น มีขายตามร้านต่างๆทั่วไปเลย

ตอนฉีด มันก็จะเข้าไปในร่องด้วย แล้วเราก็หมุนๆ ให้มันลื่นๆหน่อย


5. ใส่กลับที่เดิม

จากนั้นก็ใส่กลับไปที่เดิม

มาถึงตรงนี้ก็ไกล้เสร็จแล้ว ทำวนไปทุกๆล้อที่เรามี หรือถ้าจะทำแค่ล้อที่มีปัญหาก็ไม่ว่ากัน

ทีนี้ล้อประตูรั้วของเราก็วิ่งใหลลื่น ลื่นปี๊ดๆครับ ไม่งั้นถ้าทิ้งไว้นานๆ ปัญหาอื่นตามมาอีก


6. ทำความสะอาดก่อนจบงาน

เราเอามีทำครัวมาใช้งานมือที่โดนจารบีจับจนมีดเลอะไปทั้งอัน ก็เลยต้องล้างทำความสะอาดให้ดีนะ ใช้ผงซักฟอก หรือพวกน้ำยาล้างจานก็ได้ หากไม่หมดในรอบแรก ก็อาจจะต้องหลายๆรอบหน่อย

จารบีขาว ไม่เหนียมมาก น้ำยาล้างจานล้างไม่เกิน 2 รอบก็ล้างออกหมดแล้วครับ

เครื่องไม้เครื่องมือก็เช็ดล้างให้ดี จะได้ใช้งานได้นานๆ ส่วนสเปย์จารบีใช้งานไปรอบนี้ ถึงจะฉีดเยอะขนาดใหนก็ไม่หมดกระปุกแน่นอน ยังเก็บเอาไว้ฉีดอย่างอื่นได้อีกเยอะแยะ เช่นบูซประตูที่ต้องหมุนอยู่ตลอด หรือพวกตัวประคองประตูที่ต้องหมุนประคองบาน ก็สามารถ

สู้ๆนะทุกคน ขอให้ประตูลื่นๆ

3 อย่างที่เอามาทำล้ออุตสาหกรรม ล้อพลาสติก PP vs ล้อยางสังเคราะห์ TPR vs ล้อยูรีเทน PU

1. ล้อพลาสติก PP (Polypropylene)

ล้อพลาสติก PP หรือล้อโพลีโพรพิลีน (Polypropylene) เป็นล้อชนิดหนึ่งที่ทำจากพลาสติก PP ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นหลายประการ ทำให้ได้รับความนิยมในการใช้งานหลากหลายด้าน

คุณสมบัติเด่นของล้อพลาสติก PP

  • ทนทานต่อสารเคมี: ล้อพลาสติก PP มีความทนทานต่อสารเคมี กรด ด่าง และตัวทำละลายต่างๆ ได้ดี จึงเหมาะสำหรับใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการสัมผัสกับสารเคมี
  • ทนทานต่อการเสียดสี: ล้อ PP มีความทนทานต่อการเสียดสีและการสึกหรอได้ดี ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน
  • รับน้ำหนักได้ดี: ล้อ PP สามารถรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ระดับเบาไปจนถึงระดับปานกลาง ขึ้นอยู่กับขนาดและการออกแบบของล้อ
  • ไม่เป็นสนิม: ล้อ PP ไม่เป็นสนิม ไม่ผุกร่อน จึงเหมาะสำหรับใช้งานทั้งในร่มและกลางแจ้ง
  • ราคาประหยัด: ล้อ PP มีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับล้อที่ทำจากวัสดุอื่นๆ ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า

การใช้งานล้อพลาสติก PP

ล้อพลาสติก PP นิยมใช้ในงานหลากหลายประเภท เช่น

  • งานอุตสาหกรรม: ใช้เป็นล้อสำหรับรถเข็น รถเข็นในโรงงาน รถเข็นในคลังสินค้า และอุปกรณ์ขนส่งอื่นๆ
  • งานเฟอร์นิเจอร์: ใช้เป็นล้อสำหรับเก้าอี้สำนักงาน โต๊ะทำงาน และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ที่ต้องการเคลื่อนย้ายได้
  • งานเครื่องใช้ไฟฟ้า: ใช้เป็นล้อสำหรับเครื่องดูดฝุ่น เครื่องฟอกอากาศ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่ต้องการเคลื่อนย้ายได้
  • งานอื่นๆ: ล้อ PP ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานอื่นๆ ได้อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับความต้องการและความคิดสร้างสรรค์

ข้อควรพิจารณาในการเลือกล้อพลาสติก PP

  • ขนาดและน้ำหนักบรรทุก: เลือกขนาดของล้อและน้ำหนักบรรทุกที่เหมาะสมกับการใช้งาน
  • ประเภทของล้อ: เลือกล้อตาย ล้อหมุน หรือล้อหมุนพร้อมเบรก ตามความเหมาะสมกับการใช้งาน
  • สภาพแวดล้อมการใช้งาน: พิจารณาเลือกใช้ล้อ PP ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการใช้งาน เช่น ล้อสำหรับใช้งานในร่ม ล้อสำหรับใช้งานกลางแจ้ง หรือล้อสำหรับใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมี

2. ล้อยางสังเคราะห์ TPR (Thermoplastic Rubber)

ล้อยางสังเคราะห์ TPR หรือ Thermoplastic Rubber เป็นล้อที่ผลิตจากวัสดุยางสังเคราะห์ชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติโดดเด่นหลายประการ ทำให้เป็นที่นิยมใช้ในงานหลากหลายประเภท

TPR จะเป็นส่วนหนึ่งของ TPE ซึ่มมีหลายอย่างมาก หลายคุณสมบัติด้วยครับ ดูข้อมูลของ Thermoplastic Elastomer ทั้งหมดได้ที่นี่

คุณสมบัติเด่นของล้อยางสังเคราะห์ TPR

  • ความยืดหยุ่นและการดูดซับแรงกระแทกที่ดีเยี่ยม: ล้อยาง TPR มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดี ช่วยลดการสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนขณะเคลื่อนที่ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความนุ่มนวลและการปกป้องพื้นผิว
  • ทนทานต่อการสึกหรอและการฉีกขาด: วัสดุ TPR มีความทนทานต่อการสึกหรอและการฉีกขาดได้ดี ทำให้ล้อ TPR มีอายุการใช้งานยาวนาน
  • ทนทานต่อสารเคมีและสภาพอากาศ: ล้อ TPR ทนทานต่อสารเคมีหลายชนิด น้ำมัน และสภาพอากาศต่างๆ จึงเหมาะสำหรับใช้งานทั้งในร่มและกลางแจ้ง
  • ไม่ทิ้งรอยดำบนพื้นผิว: ล้อ TPR ไม่ทิ้งรอยดำหรือคราบสกปรกบนพื้นผิว ทำให้เหมาะสำหรับใช้งานบนพื้นผิวที่บอบบาง เช่น พื้นไม้ พื้นกระเบื้อง หรือพื้นผิวเคลือบ
  • เสียงเงียบ: ล้อ TPR มีเสียงเงียบขณะเคลื่อนที่ ช่วยลดเสียงรบกวนในสภาพแวดล้อมการทำงาน

การใช้งานล้อยางสังเคราะห์ TPR

ล้อยางสังเคราะห์ TPR นิยมใช้ในงานหลากหลายประเภท เช่น

  • งานอุตสาหกรรม: ใช้เป็นล้อสำหรับรถเข็น รถเข็นในโรงพยาบาล รถเข็นในโรงแรม และอุปกรณ์ขนส่งอื่นๆ ที่ต้องการความนุ่มนวลและลดเสียงรบกวน
  • งานเฟอร์นิเจอร์: ใช้เป็นล้อสำหรับเก้าอี้สำนักงาน โต๊ะทำงาน และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ที่ต้องการเคลื่อนย้ายได้สะดวกและไม่ทิ้งรอยบนพื้น
  • งานเครื่องใช้ไฟฟ้า: ใช้เป็นล้อสำหรับเครื่องดูดฝุ่น เครื่องฟอกอากาศ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่ต้องการเคลื่อนย้ายได้ง่ายและลดเสียงรบกวน
  • งานอื่นๆ: ล้อ TPR ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานอื่นๆ ได้อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับความต้องการและความคิดสร้างสรรค์

ข้อควรพิจารณาในการเลือกล้อยางสังเคราะห์ TPR

  • ขนาดและน้ำหนักบรรทุก: เลือกขนาดของล้อและน้ำหนักบรรทุกที่เหมาะสมกับการใช้งาน
  • ประเภทของล้อ: เลือกล้อตาย ล้อหมุน หรือล้อหมุนพร้อมเบรก ตามความเหมาะสมกับการใช้งาน
  • สภาพแวดล้อมการใช้งาน: พิจารณาเลือกใช้ล้อ TPR ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการใช้งาน เช่น ล้อสำหรับใช้งานในร่ม ล้อสำหรับใช้งานกลางแจ้ง หรือล้อสำหรับใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมี

3. ล้อยูรีเทน PU (Polyurethane)

ล้อยูรีเทน PU หรือล้อโพลียูรีเทน เป็นล้อที่ผลิตจากวัสดุโพลียูรีเทน ซึ่งเป็นพลาสติกชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติโดดเด่นหลายประการ ทำให้เป็นที่นิยมใช้ในงานหลากหลายประเภท

คุณสมบัติเด่นของล้อยูรีเทน PU

  • ความทนทานสูง: ล้อยูรีเทน PU มีความทนทานต่อการสึกหรอ การฉีกขาด และแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน
  • รับน้ำหนักได้มาก: ล้อ PU สามารถรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ปานกลางไปจนถึงหนักมาก ขึ้นอยู่กับขนาดและการออกแบบของล้อ
  • ทนทานต่อสารเคมี: ล้อ PU ทนทานต่อน้ำมัน จาระบี สารเคมี และตัวทำละลายต่างๆ ได้ดี จึงเหมาะสำหรับใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการสัมผัสกับสารเคมี
  • ไม่ทิ้งรอยบนพื้น: ล้อ PU ไม่ทิ้งรอยดำหรือคราบสกปรกบนพื้นผิว ทำให้เหมาะสำหรับใช้งานบนพื้นผิวที่บอบบาง เช่น พื้นไม้ พื้นกระเบื้อง หรือพื้นผิวเคลือบ
  • เสียงเงียบ: ล้อ PU มีเสียงเงียบขณะเคลื่อนที่ ช่วยลดเสียงรบกวนในสภาพแวดล้อมการทำงาน

การใช้งานล้อยูรีเทน PU

ล้อยูรีเทน PU นิยมใช้ในงานหลากหลายประเภท เช่น

  • งานอุตสาหกรรม: ใช้เป็นล้อสำหรับรถเข็น รถเข็นในโรงงาน รถเข็นในคลังสินค้า และอุปกรณ์ขนส่งอื่นๆ ที่ต้องการความแข็งแรงและทนทาน
  • งานเฟอร์นิเจอร์: ใช้เป็นล้อสำหรับเก้าอี้สำนักงาน โต๊ะทำงาน และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ที่ต้องการเคลื่อนย้ายได้สะดวกและไม่ทิ้งรอยบนพื้น
  • งานเครื่องจักร: ใช้เป็นล้อสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องการความแข็งแรงและทนทานต่อการใช้งานหนัก
  • งานอื่นๆ: ล้อ PU ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานอื่นๆ ได้อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับความต้องการและความคิดสร้างสรรค์

ข้อควรพิจารณาในการเลือกล้อยูรีเทน PU

  • ขนาดและน้ำหนักบรรทุก: เลือกขนาดของล้อและน้ำหนักบรรทุกที่เหมาะสมกับการใช้งาน
  • ประเภทของล้อ: เลือกล้อตาย ล้อหมุน หรือล้อหมุนพร้อมเบรก ตามความเหมาะสมกับการใช้งาน
  • ความแข็งของล้อ: เลือกความแข็งของล้อ PU ที่เหมาะสมกับพื้นผิวและสภาพแวดล้อมการใช้งาน ยิ่งความแข็งสูง ยิ่งทนทาน แต่การดูดซับแรงกระแทกจะน้อยลง
  • สภาพแวดล้อมการใช้งาน: พิจารณาเลือกใช้ล้อ PU ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการใช้งาน เช่น ล้อสำหรับใช้งานในร่ม ล้อสำหรับใช้งานกลางแจ้ง หรือล้อสำหรับใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมี

ทั้ง 3 อย่าง ข้อดีข้อเสีย ต่างกันอย่างไร

ลักษณะล้อพลาสติก PPล้อยางสังเคราะห์ TPRล้อยูรีเทน PU
ข้อดีราคาประหยัด, ทนทานต่อสารเคมี, ไม่เป็นสนิม, น้ำหนักเบาดูดซับแรงกระแทกดีเยี่ยม, เงียบ, ไม่ทิ้งรอยบนพื้น, ทนทานต่อสารเคมีและสภาพอากาศทนทานสูง, รับน้ำหนักได้มาก, ทนทานต่อสารเคมี, ไม่ทิ้งรอยบนพื้น, เงียบ
ข้อเสียรับน้ำหนักได้น้อยกว่า PU, อาจมีเสียงดังเมื่อใช้งานบนพื้นผิวบางประเภทความทนทานต่อการสึกหรออาจไม่ดีเท่า PU, ราคาอาจสูงกว่า PPราคาอาจสูงกว่า PP และ TPR, อาจแข็งกว่า TPR ทำให้ดูดซับแรงกระแทกได้น้อยกว่า
เหมาะสำหรับงานทั่วไปที่ไม่ต้องการรับน้ำหนักมาก, สภาพแวดล้อมที่มีสารเคมีงานที่ต้องการความนุ่มนวล, ลดเสียงรบกวน, และปกป้องพื้นผิวงานที่ต้องการความทนทานสูง, รับน้ำหนักมาก, และใช้งานในสภาพแวดล้อมหลากหลาย
ตัวอย่างการใช้งานรถเข็นทั่วไป, รถเข็นในโรงงาน, เฟอร์นิเจอร์รถเข็นในโรงพยาบาล, รถเข็นในโรงแรม, เฟอร์นิเจอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้ารถเข็นอุตสาหกรรม, รถเข็นหนัก, เครื่องจักร, เฟอร์นิเจอร์