ลวดเชื่อมซ่อมแซมแม่พิมพ์ P20 เป็นลวดเชื่อมที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการซ่อมแซมและบำรุงรักษาแม่พิมพ์พลาสติกและแม่พิมพ์ฉีดขึ้นรูปโลหะ โดยเฉพาะแม่พิมพ์ที่มีฐานวัสดุเป็นเหล็กกล้าเครื่องมือ P20 ซึ่งเป็นเหล็กกล้าผสมต่ำที่มีความแข็งแรงปานกลาง มีความเหนียวดี และสามารถขัดเงาได้ดี
คุณสมบัติหลักของลวดเชื่อมซ่อมแซมแม่พิมพ์ P20:
- ส่วนประกอบทางเคมีที่เหมาะสม: มีส่วนประกอบทางเคมีที่ใกล้เคียงกับเหล็ก P20 ซึ่งโดยทั่วไปจะมีส่วนผสมของโครเมียมและโมลิบดีนัมในปริมาณที่เหมาะสม
- ความแข็ง: แนวเชื่อมที่ได้จะมีความแข็งอยู่ในช่วงประมาณ 30-40 HRC ซึ่งเป็นระดับความแข็งที่เหมาะสมสำหรับแม่พิมพ์พลาสติกและแม่พิมพ์ฉีดขึ้นรูปโลหะที่ไม่ต้องการความแข็งสูงมากนัก แต่เน้นความเหนียวและความสามารถในการขัดเงา
- ความเหนียวที่ดี: มีความเหนียวที่ดี ทำให้ทนทานต่อการกระแทกและการสึกหรอในระดับหนึ่ง
- ความสามารถในการขัดเงาที่ดี: แนวเชื่อมที่ได้สามารถขัดเงาให้ได้ผิวสำเร็จที่ดี เหมาะสำหรับส่วนประกอบของแม่พิมพ์ที่ต้องการความเรียบและเงางาม
- ความสามารถในการเชื่อมที่ดี: โดยทั่วไปแล้ว ลวดเชื่อม P20 จะถูกออกแบบมาให้เชื่อมได้ง่าย และให้แนวเชื่อมที่มีคุณภาพดี
- ลดความเสี่ยงการแตกร้าว: มีความเสี่ยงในการแตกร้าวน้อยกว่าลวดเชื่อมที่มีความแข็งสูงมาก
กระบวนการเชื่อมที่นิยมใช้กับลวดเชื่อม P20:
- เชื่อมอาร์กอนทังสเตน (GTAW หรือ TIG): เป็นกระบวนการที่นิยมใช้มากที่สุดสำหรับการเชื่อมซ่อมแซมแม่พิมพ์ P20 เนื่องจากให้ความแม่นยำสูง ควบคุมความร้อนได้ดี และให้แนวเชื่อมที่สะอาด
- เชื่อมโลหะแก๊สคลุม (GMAW หรือ MIG): สามารถใช้ได้ในบางกรณี โดยเฉพาะการซ่อมแซมบริเวณที่มีขนาดใหญ่กว่า แต่ต้องควบคุมความร้อนให้ดี
ข้อควรระวังในการเชื่อมซ่อมแซมแม่พิมพ์ P20:
- การเตรียมชิ้นงาน: ทำความสะอาดบริเวณที่จะเชื่อมให้ปราศจากสิ่งสกปรก น้ำมัน และออกไซด์
- การให้ความร้อนก่อนและหลังการเชื่อม (Preheating and Post-welding Heat Treatment): โดยทั่วไปแล้ว การให้ความร้อนก่อนและหลังการเชื่อมสำหรับเหล็ก P20 อาจไม่จำเป็นเท่าเหล็กที่มีความแข็งสูง แต่ในบางกรณีที่ชิ้นงานมีขนาดใหญ่หรือมีความหนามาก การให้ความร้อนก่อนและหลังการเชื่อมที่อุณหภูมิประมาณ 200-300 °C อาจช่วยลดความเค้นตกค้างได้
- การเลือกใช้ลวดเชื่อมที่เหมาะสม: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นลวดเชื่อม P20 แท้ และมีขนาดที่เหมาะสมกับงาน
- การควบคุมความร้อนในการเชื่อม: ควบคุมความร้อนที่ใส่เข้าไปในชิ้นงานให้เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจุลภาคที่ไม่พึงประสงค์และการบิดเบี้ยวของชิ้นงาน