ลวดเชื่อมซ่อมแซมแม่พิมพ์ H13 เป็นลวดเชื่อมที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการซ่อมแซมและบำรุงรักษาแม่พิมพ์ที่ทำจากเหล็กกล้าเครื่องมือเกรด H13 ซึ่งเป็นเหล็กกล้างานร้อนที่มีคุณสมบัติเด่นในด้านความทนทานต่อความร้อนสูง ความเหนียวที่ดี และความต้านทานต่อการแตกร้าวจากความร้อน (heat checking) ทำให้เหมาะสำหรับแม่พิมพ์ฉีดอลูมิเนียม แม่พิมพ์หล่อ และแม่พิมพ์ขึ้นรูปร้อนอื่นๆ
คุณสมบัติหลักของลวดเชื่อมซ่อมแซมแม่พิมพ์ H13:
- ส่วนประกอบทางเคมีที่เหมาะสม: มีส่วนประกอบทางเคมีที่ใกล้เคียงกับเหล็ก H13 ซึ่งโดยทั่วไปจะมีส่วนผสมของโครเมียม โมลิบดีนัม และวาเนเดียมในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้แนวเชื่อมมีความแข็งแรง ความเหนียว และคุณสมบัติทางกลอื่นๆ ที่เหมาะสมกับการใช้งานแม่พิมพ์งานร้อน
- ความแข็งสูงที่อุณหภูมิสูง: แนวเชื่อมที่ได้จะมีความแข็งที่ดีแม้ในขณะที่แม่พิมพ์มีอุณหภูมิสูงระหว่างการใช้งาน
- ทนทานต่อการแตกร้าวจากความร้อน (Heat Checking Resistance): ออกแบบมาเพื่อทนทานต่อการแตกร้าวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็วในการใช้งานแม่พิมพ์งานร้อน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในแม่พิมพ์ประเภทนี้
- ทนทานต่อการสึกหรอและการกัดกร่อน: มีความทนทานต่อการสึกหรอและการกัดกร่อนจากโลหะหลอมเหลว
- ความเหนียวที่ดี: มีความเหนียวที่ดีกว่าเหล็กกล้าเครื่องมือบางชนิด ทำให้ทนทานต่อการแตกหัก
- ความสามารถในการเชื่อมที่ดี: โดยทั่วไปแล้ว ลวดเชื่อม H13 จะถูกออกแบบมาให้เชื่อมได้ง่าย และให้แนวเชื่อมที่มีคุณภาพดี
- ลดความเสี่ยงการแตกร้าว: ลวดเชื่อมคุณภาพดีจะช่วยลดความเสี่ยงของการแตกร้าวในแนวเชื่อมและบริเวณใกล้เคียง
กระบวนการเชื่อมที่นิยมใช้กับลวดเชื่อม H13:
- เชื่อมอาร์กอนทังสเตน (GTAW หรือ TIG): เป็นกระบวนการที่นิยมใช้มากที่สุดสำหรับการเชื่อมซ่อมแซมแม่พิมพ์ H13 เนื่องจากให้ความแม่นยำสูง ควบคุมความร้อนได้ดี และให้แนวเชื่อมที่สะอาด
- เชื่อมโลหะแก๊สคลุม (GMAW หรือ MIG): สามารถใช้ได้ในบางกรณี โดยเฉพาะการซ่อมแซมบริเวณที่มีขนาดใหญ่กว่า แต่ต้องควบคุมความร้อนให้ดี
ข้อควรระวังในการเชื่อมซ่อมแซมแม่พิมพ์ H13:
- การเตรียมชิ้นงาน: ทำความสะอาดบริเวณที่จะเชื่อมให้ปราศจากสิ่งสกปรก น้ำมัน และออกไซด์
- การให้ความร้อนก่อนและหลังการเชื่อม (Preheating and Post-welding Heat Treatment): เหล็ก H13 เป็นเหล็กกล้าที่ต้องให้ความร้อนก่อนและหลังการเชื่อมอย่างระมัดระวัง การให้ความร้อนก่อนการเชื่อม (Preheating) จะช่วยลดความแตกต่างของอุณหภูมิและลดความเสี่ยงของการแตกร้าว ส่วนการอบคืนไฟหลังการเชื่อม (Post-welding Tempering) จะช่วยลดความเค้นตกค้างและปรับปรุงคุณสมบัติทางกลของแนวเชื่อม อุณหภูมิที่ใช้จะขึ้นอยู่กับขนาดและความหนาของชิ้นงาน
- การเลือกใช้ลวดเชื่อมที่เหมาะสม: เลือกลวดเชื่อมที่มีส่วนประกอบทางเคมีและคุณสมบัติที่เหมาะสมกับเหล็ก H13 และลักษณะการใช้งาน
- การควบคุมความร้อนในการเชื่อม: ควบคุมความร้อนที่ใส่เข้าไปในชิ้นงานให้เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจุลภาคที่ไม่พึงประสงค์และการบิดเบี้ยวของชิ้นงาน
- การเชื่อมหลายแนว (Multi-pass Welding): ในกรณีที่ต้องเติมเนื้อโลหะจำนวนมาก การเชื่อมหลายแนวโดยควบคุมอุณหภูมิระหว่างแนวเชื่อม (Interpass Temperature) จะช่วยลดความเสี่ยงของการแตกร้าว
ตัวอย่างยี่ห้อหรือประเภทของลวดเชื่อม H13 ที่มีจำหน่าย:
- NICHIA BKD-H13R: เป็นลวดเชื่อมอาร์กอน TIG จากประเทศญี่ปุ่นที่ออกแบบมาสำหรับเชื่อมเหล็ก H13 โดยเฉพาะ ให้ความแข็งประมาณ 45-50 HRC หลังการอบชุบแข็งและอบคืนไฟ
- ลวดเชื่อม TIG TIC H13: มีจำหน่ายทั่วไป มักระบุความแข็งไว้ใกล้เคียงกับเหล็ก H13 เดิมหลังการอบชุบแข็งและอบคืนไฟ
- ลวดเชื่อมเลเซอร์ H13: มีจำหน่ายสำหรับงานซ่อมแซมที่ต้องการความแม่นยำสูง