Brass (ทองเหลือง) คืออะไร

“Brass” หรือ “ทองเหลือง” คือ โลหะผสมที่เกิดขึ้นจากการผสมระหว่างทองแดง (Copper) และสังกะสี (Zinc). ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของทองแดงและสังกะสีในการผสม, ทองเหลืองมีสีที่แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่จะมีสีเหลือง

ลักษณะของทองเหลือง

ทนต่อการกัดกร่อน: แม้ว่าทองเหลืองจะเป็นสนิมได้เมื่อสัมผัสกับสภาวะที่มีความชื้น แต่โดยทั่วไปแล้วมันมีความทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดี.

การนำไฟฟ้า: ทองเหลืองมีความสามารถในการนำไฟฟ้าได้ดีเนื่องจากมีส่วนประกอบของทองแดง.

เหนียวและยืดหยุ่น: ทองเหลืองสามารถรีดหรือหล่อเป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้.

ทองเหลืองมีการใช้งานที่หลากหลาย ได้แก่ การผลิตเครื่องประดับ, อุปกรณ์ดนตรี, ลวด, และอื่น ๆ. นอกจากนี้ทองเหลืองยังถูกใช้ในงานศิลปะ, เครื่องมือ, และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ต้องการความแข็งแรงและความทนทานต่อการกัดกร่อน.

เครื่องประดับทองเหลือง

ทองเหลือง (Brass) เป็นวัสดุที่มีความสวยงามและสามารถผลิตให้มีลักษณะต่าง ๆ ดังนั้นมันถูกนำมาใช้ในการสร้างเครื่องประดับมานานหลายศตวรรษแล้ว โดยมีเหตุผลหลายประการในการเลือกใช้ทองเหลืองในการผลิตเครื่องประดับ ดังนี้:

  1. ลักษณะทางกายภาพ: ทองเหลืองมีสีที่ดูเหมือนทองจริง แต่มีราคาถูกกว่า ซึ่งทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องประดับที่มีลักษณะคล้ายกับทองแต่ไม่ต้องการจ่ายราคาสูง.
  2. ความยืดหยุ่น: ทองเหลืองมีความเหนียวและยืดหยุ่น ทำให้สามารถรีดหรือหล่อเป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้ สามารถสร้างลวดลายและรายละเอียดที่ซับซ้อนบนเครื่องประดับ.
  3. ความทนทาน: ทองเหลืองมีความทนทานต่อการกัดกร่อนและการสึกหรอ ซึ่งเหมาะสมสำหรับเครื่องประดับที่ต้องการความทนทานต่อการใช้งานประจำวัน.
  4. การดัดแปลงและซ่อมแซม: เนื่องจากทองเหลืองมีความยืดหยุ่น การดัดแปลงหรือซ่อมแซมเครื่องประดับจากทองเหลืองสามารถทำได้ง่าย.
  5. ความแข็งแรง: ทองเหลืองมีความแข็งแรงที่เหมาะสมกับการสร้างเครื่องประดับ ไม่ง่ายต่อการเป็นรอยหรือหัก.

อย่างไรก็ตาม, ควรระวังว่าทองเหลืองอาจทำให้ผู้ที่มีการแพ้วัสดุบางประเภทเกิดอาการแพ้ ดังนั้นบางครั้งเครื่องประดับที่ผลิตจากทองเหลืองอาจไม่เหมาะสมสำหรับทุกคน.

ทองเหลืองกับการตกแต่งบ้าน

ทองเหลือง (Brass) มีการนำมาใช้ในการตกแต่งบ้านมานานแล้ว ด้วยความสวยงาม ความทนทาน และสีที่เป็นเอกลักษณ์ของมัน ทำให้ทองเหลืองได้รับความนิยมในการใช้สร้างวัสดุและของตกแต่งต่างๆ สำหรับบ้าน รวมถึง:

เฟอร์นิเจอร์: ขาของโต๊ะ, ด้ามของลิ้นชัก, และรายละเอียดอื่น ๆ บนเฟอร์นิเจอร์อาจจะเป็นทองเหลือง เพื่อเพิ่มความหรูหราและความดีงาม.

ของตกแต่ง: โคมไฟ, กรอบรูป, และวัตถุตกแต่งอื่น ๆ ที่เป็นทองเหลืองสามารถเพิ่มความอบอุ่นและความหรูหราให้กับพื้นที่.

ที่ทำความสะอาดและสุญญากาศ: อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในห้องน้ำหรือครัว เช่น ก๊อกน้ำ, ด้ามประตู, หรือแท่งแขวนผ้า เป็นต้น อาจจะเป็นทองเหลือง เพื่อเพิ่มความสวยงามและความแข็งแรง.

ฮาร์ดแวร์: ด้ามประตู, กลอนประตู, และอุปกรณ์ต่อยอดอื่น ๆ ที่เป็นทองเหลือง เพิ่มความลักษณะเฉพาะและความยืนยาวในการใช้งาน.

ลายแต่ง: อาจจะเป็นเส้นลวดลายที่เป็นทองเหลืองหรือตัวแต่งตกแต่งที่ใช้ในบ้าน เพื่อเป็นจุดเน้นและเพิ่มความสวยงาม.

ของใช้ในครัว: อุปกรณ์ทำอาหาร เช่น หม้อ, กระทะ, หรือของใช้เก็บอาหาร อาจจะเป็นทองเหลืองเพื่อเพิ่มความสวยงามและความรู้สึกแบบวินเทจ.

ทองเหลืองเป็นวัสดุที่สามารถนำมาใช้ในการตกแต่งบ้านได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสไตล์ที่ร่วมสมัย วินเทจ หรือแม้กระทั่งสไตล์โมเดิร์น ทำให้บ้านมีความเป็นเอกลักษณ์ และอบอุ่นด้วยความสวยงามของทองเหลือง.

ทองเหลืองอันตรายหรือเปล่า

ทองเหลือง (Brass) โดยตัวเองไม่ได้เป็นสารที่อันตราย แต่มีปัจจัยบางประการที่ควรระมัดระวัง:

  1. สังกะสีส่วนเกิน: ในกรณีที่มีการกินหรือสูดเข้าร่างกายจากทองเหลืองที่มีสังกะสีส่วนเกิน, สังกะสีสามารถทำให้เกิดอาการเสียดแสบหรืออาการเป็นพิษ. แต่การได้รับสังกะสีจากทองเหลืองในปริมาณปกติมักจะไม่เป็นปัญหา.
  2. ตะกั่ว: บางชนิดของทองเหลืองอาจมีตะกั่วเป็นส่วนผสมในปริมาณเล็ก ๆ ตะกั่วเป็นพิษและสามารถก่อให้เกิดความเสียหายต่อร่างกายถ้าได้รับในปริมาณที่มาก. อย่างไรก็ตาม, การสัมผัสทองเหลืองที่มีตะกั่วในปริมาณที่น้อยจะไม่น่าเป็นอันตราย.
  3. การคายสาร: บางครั้ง ทองเหลืองที่เก่าหรือตากเป็นเวลานานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสามารถคายสารเป็นสีเขียว (patina) นี่คือสารที่เกิดจากการตอกต่อระหว่างทองเหลืองกับอากาศ ซึ่งไม่ควรรับประทาน.
  4. การแพ้: บางคนอาจแพ้ต่อส่วนประกอบของทองเหลือง เนื่องจากมีทองแดงหรือสังกะสีเป็นส่วนผสม อาการแพ้สามารถระบาดบนผิวหนังหรือเกิดการระคายเคืองอื่น ๆ ได้.

โดยรวมแล้ว, ทองเหลืองในการใช้ปกติไม่ควรนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ แต่เช่นเดียวกับวัสดุอื่น ๆ ควรใช้และจัดการอย่างระมัดระวัง.

รหัส AWC ที่อยู่บน ใบเจียร หมายถึงอะไร

ใบเจียรAWC60P

AWC ย่อมาจาก?

ใบเจียร

AWC ย่อมาจาก Aluminium Oxide White Corundum ซึ่งเป็นชนิดของเม็ดทรายที่ใช้ทำใบเจียรเหล็กครับ

  • Aluminium Oxide: เป็นสารประกอบของอะลูมิเนียมและออกซิเจน มีความแข็งสูง ทนความร้อน และทนต่อการสึกหรอ จึงเหมาะสำหรับงานเจียรเหล็ก
  • White Corundum: หมายถึงอะลูมิเนียมออกไซด์ที่มีสีขาว ซึ่งมีความบริสุทธิ์สูงกว่าชนิดสีน้ำตาล ทำให้มีคุณสมบัติในการเจียรที่ดีกว่า

รหัส AWC บนใบเจียรเหล็กจะตามด้วยตัวเลข ซึ่งบ่งบอกถึงขนาดของเม็ดทราย เช่น

  • AWC 46: เม็ดทรายขนาดหยาบ เหมาะสำหรับงานเจียรผิวหยาบ หรือขัดแต่งผิวโลหะ
  • AWC 60: เม็ดทรายขนาดกลาง เหมาะสำหรับงานเจียรผิวทั่วไป
  • AWC 80: เม็ดทรายขนาดละเอียด เหมาะสำหรับงานเจียรผิวละเอียด หรือขัดเงาผิวโลหะ

การเลือกรหัส AWC ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับลักษณะงานและความต้องการในการใช้งาน เช่น

  • ถ้าต้องการขัดผิวโลหะหยาบๆ หรือลบรอยเชื่อม ควรเลือกใบเจียรที่มีรหัส AWC ต่ำๆ เช่น AWC 46
  • ถ้าต้องการขัดผิวโลหะทั่วไป ควรเลือกใบเจียรที่มีรหัส AWC ปานกลาง เช่น AWC 60
  • ถ้าต้องการขัดเงาผิวโลหะ ควรเลือกใบเจียรที่มีรหัส AWC สูงๆ เช่น AWC 80

AWC60P หมายถึงอะไร?

  • AWC: Aluminium Oxide White Corundum เป็นชนิดของเม็ดทรายที่ใช้ทำใบเจียร มีความแข็งสูง ทนความร้อน และทนต่อการสึกหรอ
  • 60: ขนาดของเม็ดทราย ซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง เหมาะสำหรับงานเจียรผิวทั่วไป
  • P: เป็นสัญลักษณ์ที่ผู้ผลิตบางรายใช้ อาจบ่งบอกถึงคุณสมบัติพิเศษบางอย่าง เช่น การเคลือบผิว หรือชนิดของสารยึดเกาะที่ใช้ในการผลิตใบเจียร

โดยรวมแล้ว AWC60P บ่งบอกว่าเป็นใบเจียรเหล็กคุณภาพดี เหมาะสำหรับงานเจียรผิวทั่วไปบนโลหะต่างๆ เช่น เหล็ก สแตนเลส และเหล็กหล่อ


WA60 หมายถึงอะไร?

WA60 หมายถึงใบเจียรที่มีคุณสมบัติดังนี้ครับ:

ใบเจียร

WA: White Aluminium Oxide ซึ่งเป็นชนิดของอะลูมิเนียมออกไซด์ที่มีความบริสุทธิ์สูง ทำให้ใบเจียรมีความแข็งและทนทานต่อการสึกหรอได้ดี เหมาะสำหรับงานเจียรทั่วไป

60: ขนาดของเม็ดทราย ซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง เหมาะสำหรับงานเจียรผิวทั่วไป ไม่หยาบหรือละเอียดจนเกินไป

โดยรวมแล้ว WA60 บ่งบอกว่าเป็นใบเจียรคุณภาพดี เหมาะสำหรับงานเจียรผิวทั่วไปบนโลหะต่างๆ เช่น เหล็ก สแตนเลส และเหล็กหล่อ

ข้อแตกต่างระหว่าง AWC และ WA

แม้ว่าทั้ง AWC และ WA จะเป็นอะลูมิเนียมออกไซด์เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันเล็กน้อย:

  • AWC: มักใช้เรียกอะลูมิเนียมออกไซด์สีขาวที่มีความบริสุทธิ์สูง มีคุณสมบัติในการเจียรที่ดีกว่าชนิดสีน้ำตาล
  • WA: เป็นคำเรียกทั่วไปสำหรับอะลูมิเนียมออกไซด์สีขาว อาจมีความบริสุทธิ์แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผู้ผลิต

ดังนั้น ในการเลือกใบเจียร ควรพิจารณาขนาดของเม็ดทราย (เช่น 60) เป็นหลัก และหากต้องการคุณภาพสูงเป็นพิเศษ อาจเลือกใบเจียรที่มีสัญลักษณ์ AWC


นอกจาก AWC และ WA แล้วยังมีอะไรอีก

นอกจาก AWC (Aluminium Oxide White Corundum) และ WA (White Aluminium Oxide) แล้ว ยังมีเม็ดทรายชนิดอื่นๆ ที่ใช้ทำใบเจียรอีกหลายชนิดครับ ซึ่งแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติและความเหมาะสมกับงานที่แตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น:

  • GC (Green Silicon Carbide): มีความแข็งสูงมาก ทนต่อการสึกหรอ และให้ความคมที่คงทน เหมาะสำหรับการเจียรวัสดุที่แข็งแต่เปราะ เช่น กระจก เซรามิก คาร์ไบด์ และหิน
  • C (Silicon Carbide): มีความแข็งสูง ทนทานต่อการสึกหรอ และมีราคาไม่แพง เหมาะสำหรับการเจียรวัสดุที่มีความแข็งปานกลาง เช่น เหล็กหล่อ อลูมิเนียม และทองแดง
  • ZA หรือ Zirconia Alumina: เป็นการผสมระหว่างอะลูมิเนียมออกไซด์และเซอร์โคเนีย มีความแข็งและความทนทานสูงมาก เหมาะสำหรับงานเจียรหนักและงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น การเจียรเหล็กกล้าไร้สนิมและโลหะผสมที่มีความแข็งสูง
  • Ceramic Alumina: มีความแข็งและความทนทานสูง ให้ผิวงานที่เรียบเนียน และมีอายุการใช้งานยาวนาน เหมาะสำหรับงานเจียรละเอียดและงานที่ต้องการความแม่นยำสูง

ในการเลือกเม็ดทรายที่เหมาะสม ควรพิจารณาถึง:

ความเร็วในการเจียร: งานที่ต้องการความเร็วสูง จะต้องใช้เม็ดทรายที่มีความทนทานต่อความร้อนและการสึกหรอได้ดี

ชนิดของวัสดุที่ต้องการเจียร: วัสดุแต่ละชนิดมีความแข็งและคุณสมบัติแตกต่างกัน จึงต้องเลือกเม็ดทรายที่มีความเหมาะสม

ลักษณะงานเจียร: งานเจียรหยาบ งานเจียรละเอียด หรือการขัดเงาผิว จะต้องใช้เม็ดทรายที่มีขนาดและชนิดที่แตกต่างกัน


Ceragrain หมายถึงอะไร?

ใบเจียร

Ceragrain เป็นชื่อทางการค้าของเม็ดทรายเซรามิกอะลูมินา (Ceramic Alumina) ที่ผลิตโดยบริษัท 3M ครับ ซึ่งมีคุณสมบัติดังนี้:

ลดการเกิดฝุ่นและเสียงรบกวน: ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการทำงาน

ความแข็งและความทนทานสูง: ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าเม็ดทรายอะลูมินาทั่วไป

ให้ผิวงานที่เรียบเนียน: เหมาะสำหรับงานเจียรละเอียดและงานที่ต้องการความแม่นยำสูง

ทนความร้อนได้ดี: สามารถใช้งานที่ความเร็วสูงได้โดยไม่เกิดความเสียหาย

Ceragrain เหมาะสำหรับงานเจียรวัสดุที่มีความแข็งสูง เช่น เหล็กกล้าไร้สนิม โลหะผสมที่มีความแข็งสูง และไทเทเนียม นอกจากนี้ยังนิยมใช้ในงานเจียรแม่พิมพ์ งานเจียรผิวละเอียด และงานขัดเงา

ข้อดีของ Ceragrain เมื่อเทียบกับเม็ดทรายอะลูมินาทั่วไป:

  • อายุการใช้งานยาวนานกว่า
  • ให้ผิวงานที่เรียบเนียนกว่า
  • ทนความร้อนได้ดีกว่า
  • ลดการเกิดฝุ่นและเสียงรบกวน

ข้อจำกัดของ Ceragrain:

  • ราคาสูงกว่าเม็ดทรายอะลูมินาทั่วไป

ดังนั้น หากต้องการงานเจียรที่มีคุณภาพสูงและต้องการประหยัดเวลาในการเปลี่ยนใบเจียรบ่อยๆ Ceragrain เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ


หากสนใจติดต่อสั่งได้นะครับ

หน้าร้านอยู่ ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี

สอบถามหรือขอใบเสนอราคา ทักไลน์

LINE ID : @happym คลิกที่นี่เพื่อทักไลน์เลย

โทรสอบถามได้ที่: 085-926-9797 (คุณพล)

ใบตัดเหล็กตัดสแตนเลส: สิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาด

ใบตัดเหล็กตัดสแตนเลสเป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับงานตัดโลหะ แต่การใช้งานที่ไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงและความเสียหายต่อชิ้นงานได้ บทความนี้จะเน้นย้ำถึงสิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาดในการใช้ใบตัดเหล็กตัดสแตนเลส เพื่อให้คุณทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

1. ใช้อุปกรณ์ป้องกันไม่ครบ

  • อันตราย: อุบัติเหตุจากการกระเด็นของเศษโลหะ ฝุ่นละออง และเสียงดัง
  • สิ่งที่ควรทำ:
    • สวมแว่นตานิรภัยป้องกันเศษโลหะกระเด็นเข้าตา
    • สวมถุงมือหนังเพื่อป้องกันมือจากการบาด
    • สวมที่ครอบหูเพื่อป้องกันเสียงดัง
    • สวมหน้ากากกันฝุ่นเพื่อป้องกันการสูดดมฝุ่นละอองโลหะ
    • สวมเสื้อผ้าที่รัดกุมและรองเท้าเซฟตี้

2. ใช้ใบตัดผิดประเภทหรือขนาด

  • อันตราย: ใบตัดแตก หรือตัดชิ้นงานได้ไม่ดี
  • สิ่งที่ควรทำ:
    • เลือกใบตัดที่ออกแบบมาสำหรับตัดสแตนเลสโดยเฉพาะ
    • ตรวจสอบขนาดของใบตัดให้เหมาะสมกับเครื่องตัดและความหนาของชิ้นงาน
    • ใบตัดที่สึกหรอหรือเสียหาย ควรเปลี่ยนใหม่ทันที

3. ใช้ความเร็วรอบที่ไม่เหมาะสม

  • อันตราย: ใบตัดแตก หรือตัดชิ้นงานได้ไม่ดี เกิดความร้อนสูงเกินไป
  • สิ่งที่ควรทำ:
    • ปรับความเร็วรอบของเครื่องตัดให้เหมาะสมกับขนาดและชนิดของใบตัด รวมถึงความหนาของชิ้นงาน
    • อ่านคู่มือการใช้งานเครื่องตัดและใบตัดเพื่อทราบความเร็วรอบที่แนะนำ

4. ออกแรงกดมากเกินไป

  • อันตราย: ใบตัดแตก หรือเครื่องตัดเสียหาย
  • สิ่งที่ควรทำ:
    • ปล่อยให้ใบตัดทำงานด้วยตัวเอง ไม่ต้องออกแรงกดมากเกินไป
    • หากรู้สึกว่าใบตัดติดขัด ให้หยุดเครื่องและตรวจสอบสาเหตุ

5. ตัดชิ้นงานที่หนาเกินไปในครั้งเดียว

  • อันตราย: ใบตัดแตก หรือเครื่องตัดเสียหาย
  • สิ่งที่ควรทำ:
    • ตัดชิ้นงานทีละน้อยๆ โดยเฉพาะชิ้นงานที่หนา
    • หากจำเป็นต้องตัดชิ้นงานหนา ควรใช้ใบตัดขนาดใหญ่และเครื่องตัดที่มีกำลังสูง

6. ไม่ยึดชิ้นงานให้แน่น

  • อันตราย: ชิ้นงานเคลื่อนที่ขณะตัด ทำให้เกิดอุบัติเหตุ
  • สิ่งที่ควรทำ:
    • ยึดชิ้นงานให้แน่นด้วยแคลมป์หรืออุปกรณ์จับยึดอื่นๆ ก่อนเริ่มตัด
    • ตรวจสอบความแน่นหนาของการยึดก่อนเริ่มตัด

7. ตัดใกล้กับขอบหรือมุมของชิ้นงานมากเกินไป

  • อันตราย: ใบตัดแตก หรือชิ้นงานเสียหาย
  • สิ่งที่ควรทำ:
    • เว้นระยะห่างจากขอบหรือมุมของชิ้นงานอย่างน้อย 1 นิ้ว
    • หากจำเป็นต้องตัดใกล้ขอบหรือมุม ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

8. ไม่หล่อเย็นใบตัด

  • อันตราย: ใบตัดร้อนเกินไป ทำให้เสียหายหรือแตกได้
  • สิ่งที่ควรทำ:
    • ใช้สารหล่อเย็นหรือน้ำมันหล่อลื่นที่เหมาะสมกับการตัดสแตนเลส
    • หากใบตัดร้อนจัด ให้หยุดเครื่องและรอให้เย็นลงก่อนใช้งานต่อ

9. ไม่ทำความสะอาดใบตัดและเครื่องตัด

  • อันตราย: ประสิทธิภาพการตัดลดลง และอาจเกิดความเสียหายต่อเครื่องมือ
  • สิ่งที่ควรทำ:
    • ทำความสะอาดใบตัดและเครื่องตัดหลังใช้งานทุกครั้ง
    • ใช้แปรงหรือลมเป่าเพื่อกำจัดเศษโลหะและฝุ่นละออง

10. ไม่ตรวจสอบสภาพใบตัดและเครื่องตัดก่อนใช้งาน

  • อันตราย: ใช้งานเครื่องมือที่เสียหาย อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ
  • สิ่งที่ควรทำ:
    • ตรวจสอบสภาพใบตัดและเครื่องตัดก่อนใช้งานทุกครั้ง
    • หากพบความเสียหาย ควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ทันที

11. ไม่ระมัดระวังขณะเปลี่ยนใบตัด

  • อันตราย: บาดมือจากใบตัด
  • สิ่งที่ควรทำ:
    • ถอดปลั๊กเครื่องตัดก่อนเปลี่ยนใบตัดทุกครั้ง
    • สวมถุงมือหนังและใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการเปลี่ยนใบตัด

12. ใช้ใบตัดที่หมดอายุหรือเก็บรักษาไม่ถูกต้อง

  • อันตราย: ใบตัดเสื่อมสภาพ อาจทำให้แตกหรือตัดได้ไม่ดี
  • สิ่งที่ควรทำ:
    • ตรวจสอบวันหมดอายุของใบตัด
    • เก็บใบตัดในที่แห้งและปลอดภัย ห่างจากความชื้นและแสงแดด

13. ละเลยการบำรุงรักษาเครื่องตัด

  • อันตราย: เครื่องตัดทำงานผิดปกติ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ
  • สิ่งที่ควรทำ:
    • ทำความสะอาดและหล่อลื่นเครื่องตัดตามคำแนะนำของผู้ผลิต
    • ตรวจสอบและเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สึกหรอตามกำหนด

14. ไม่มีความรู้ความชำนาญในการใช้งาน

  • อันตราย: ใช้เครื่องมือผิดวิธี อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ
  • สิ่งที่ควรทำ:
    • อ่านคู่มือการใช้งานเครื่องตัดและใบตัดอย่างละเอียด
    • ฝึกฝนการใช้งานกับชิ้นงานที่ไม่สำคัญก่อน
    • หากไม่แน่ใจ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

15. ไม่ปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยในโรงงานหรือสถานที่ทำงาน

  • อันตราย: อุบัติเหตุจากการทำงานร่วมกับผู้อื่น หรือจากสภาพแวดล้อมในการทำงาน
  • สิ่งที่ควรทำ:
    • ปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยในโรงงานหรือสถานที่ทำงานอย่างเคร่งครัด
    • สื่อสารกับเพื่อนร่วมงานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

สรุป

การใช้ใบตัดเหล็กตัดสแตนเลสต้องใช้ความระมัดระวังและปฏิบัติตามข้อควรระวังอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและความเสียหายต่อชิ้นงาน การใช้อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม การเลือกใบตัดและความเร็วรอบที่ถูกต้อง การยึดชิ้นงานให้แน่น และการหล่อเย็นใบตัด ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับขั้นตอนใดๆ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีประสบการณ์ก่อนเริ่มงาน

รู้จักกับ ใบเพชรขัดพื้นคอนกรีต ใบเพชรสามัญประจำบ้านช่าง

ใบเพชรขัดพื้นคอนกรีต

ใบเพชรขัดพื้นคอนกรีต (Diamond Concrete Floor Grinding/Polishing Pads) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการปรับสภาพพื้นผิวคอนกรีตให้เรียบเนียนและสวยงาม โดยใช้หลักการเสียดสีของผงเพชรที่ฝังอยู่บนแผ่นขัดกับพื้นผิวคอนกรีต

ประโยชน์ของการใช้ใบเพชรขัดพื้นคอนกรีต:

  1. ปรับสภาพพื้นผิว: ขจัดความขรุขระ รอยแตกร้าว และคราบสกปรกบนพื้นผิวคอนกรีต ทำให้พื้นเรียบเนียนและสวยงาม
  2. เพิ่มความแข็งแกร่ง: การขัดผิวคอนกรีตช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและทนทานต่อการสึกหรอ ทำให้พื้นผิวมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
  3. ลดการดูดซึมน้ำและสารเคมี: ช่วยปิดรูพรุนบนพื้นผิวคอนกรีต ลดการดูดซึมน้ำและสารเคมีต่างๆ ทำให้พื้นผิวทำความสะอาดง่ายและทนทานต่อคราบสกปรก
  4. เพิ่มความสวยงาม: สามารถขัดผิวคอนกรีตให้มีความเงางามคล้ายหินอ่อน เพิ่มความสวยงามและมูลค่าให้กับพื้นที่

ประเภทของใบเพชรขัดพื้นคอนกรีต:

  • ใบเพชรขัดหยาบ: ใช้สำหรับขัดผิวคอนกรีตในขั้นตอนแรก เพื่อขจัดความขรุขระและปรับระดับพื้นผิว
  • ใบเพชรขัดละเอียด: ใช้สำหรับขัดผิวคอนกรีตในขั้นตอนต่อมา เพื่อให้พื้นผิวเรียบเนียนและเงางามมากขึ้น
  • ใบเพชรขัดเงา: ใช้สำหรับขัดผิวคอนกรีตในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อให้พื้นผิวมีความเงางามสูงสุด

การเลือกใบเพชรขัดพื้นคอนกรีต:

  • ชนิดของคอนกรีต: พิจารณาความแข็งและสภาพของพื้นผิวคอนกรีต เพื่อเลือกใบเพชรที่มีความเหมาะสม
  • ระดับความละเอียดที่ต้องการ: เลือกระดับความละเอียดของใบเพชรให้เหมาะสมกับความต้องการ เช่น ขัดหยาบ ขัดละเอียด หรือขัดเงา
  • ขนาดของพื้นที่: เลือกขนาดของใบเพชรให้เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ

ข้อควรระวัง:

  • ใช้อุปกรณ์ป้องกัน: สวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น แว่นตานิรภัย ถุงมือ และหน้ากากกันฝุ่น ขณะใช้งาน
  • ใช้น้ำหล่อเย็น: ควรใช้น้ำหล่อเย็นขณะขัดผิวคอนกรีต เพื่อลดความร้อนและฝุ่นละออง
  • ทำความสะอาดหลังใช้งาน: ทำความสะอาดใบเพชรและเครื่องขัดหลังใช้งาน เพื่อยืดอายุการใช้งาน

ใบเพชรขัดพื้นคอนกรีตเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการปรับสภาพพื้นผิวคอนกรีตให้เรียบเนียน สวยงาม และทนทาน การเลือกใบเพชรที่เหมาะสมและใช้งานอย่างถูกวิธี จะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและคุ้มค่ากับการลงทุนครับ

การเลือกซื้อ ใบตัดคอนกรีต/ใบตัดปูน ให้เหมาะกับงาน

ตัดคอนกรีต

การเลือกใบตัดคอนกรีตที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการทำงานของคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นมืออาชีพหรือผู้ที่ทำงาน DIY การเลือกใบตัดที่ไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่ความล่าช้าในการทำงาน ความเสียหายต่อวัสดุ หรือแม้กระทั่งอุบัติเหตุได้ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาในการเลือกใบตัดคอนกรีตที่เหมาะสมกับงานของคุณ

ทำไมเราต้องตัดคอนกรีต

เราต้องตัดคอนกรีตด้วยเหตุผลหลายประการครับ ทั้งในด้านการก่อสร้าง การซ่อมแซม และการปรับปรุงพื้นที่ โดยสรุปได้ดังนี้

1. การสร้างรอยต่อควบคุม (Control Joint)

  • คอนกรีตมีคุณสมบัติในการขยายตัวและหดตัวตามอุณหภูมิ
  • การสร้างรอยต่อควบคุมช่วยให้คอนกรีตมีพื้นที่ในการเคลื่อนตัว ลดโอกาสการแตกร้าวที่ไม่พึงประสงค์
  • รอยต่อเหล่านี้มักตัดเป็นเส้นตรงบนพื้นผิวคอนกรีต เช่น ถนน ลานจอดรถ หรือพื้นโรงงาน

2. การซ่อมแซมและปรับปรุง

  • ตัดเพื่อเข้าถึงท่อหรือสายไฟที่ฝังอยู่ใต้คอนกรีต
  • ตัดเพื่อรื้อถอนส่วนที่เสียหายหรือไม่ต้องการใช้งานแล้ว
  • ตัดเพื่อปรับเปลี่ยนพื้นที่ เช่น การเจาะช่องเปิดประตู หน้าต่าง หรือช่องระบายอากาศ

3. การสร้างความสวยงาม

  • ตัดเพื่อสร้างลวดลายหรือรูปทรงต่างๆ บนพื้นผิวคอนกรีต
  • ใช้ในการตกแต่งพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกอาคาร

4. การเตรียมพื้นผิว

  • ตัดเพื่อปรับระดับพื้นผิวคอนกรีตให้เรียบเสมอกัน
  • ใช้ในการเตรียมพื้นผิวก่อนการปูวัสดุอื่นๆ เช่น กระเบื้อง หรือหิน

5. การแก้ไขปัญหา

  • ตัดเพื่อแก้ไขปัญหาการทรุดตัวของพื้น หรือการเอียงของโครงสร้าง

การตัดคอนกรีตจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่มีบทบาทหลากหลายในการก่อสร้างและปรับปรุงพื้นที่ ช่วยให้เราสามารถควบคุมคุณภาพของโครงสร้าง เพิ่มความสวยงาม และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ครับ


1. ประเภทของคอนกรีตที่จะตัด

  • คอนกรีตเสริมเหล็ก: ใบตัดคอนกรีตเสริมเหล็กโดยทั่วไปจะมีฟันเพชรที่แข็งแรงทนทานต่อการสึกหรอจากเหล็กเสริม เหมาะสำหรับการตัดคอนกรีตที่มีความหนาแน่นสูงและมีเหล็กเสริม
  • คอนกรีตบล็อก: ใบตัดคอนกรีตบล็อกอาจมีฟันที่ละเอียดกว่าเล็กน้อย เพื่อให้สามารถตัดคอนกรีตบล็อกได้อย่างแม่นยำและลดการแตกหัก

2. ขนาดและประเภทของใบตัด

  • ขนาด: ขนาดของใบตัดจะขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องตัดและความหนาของคอนกรีตที่จะตัด ควรเลือกขนาดที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
  • ประเภท: มีใบตัดหลายประเภทให้เลือก เช่น ใบตัดแบบต่อเนื่อง ใบตัดแบบเซกเมนต์ และใบตัดแบบเทอร์โบ แต่ละประเภทจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ควรเลือกประเภทที่เหมาะสมกับงานของคุณและประเภทของคอนกรีต

3. คุณภาพของใบตัด

  • วัสดุ: ใบตัดที่มีคุณภาพสูงมักจะทำจากวัสดุที่ทนทานต่อการสึกหรอและมีความคมนานกว่า
  • การผลิต: ควรเลือกใบตัดจากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงและมีมาตรฐานการผลิตที่เชื่อถือได้

ใบตัดแบบเทอร์โบ (Turbo blade)

ใบตัดคอนกรีต ใบตัดแบบเทอร์โบ (Turbo Blade)

ใบตัดแบบเทอร์โบ (Turbo blade) เป็นใบตัดคอนกรีตชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเด่นคือมีฟันตัดที่เรียงตัวเป็นร่องโค้งสลับกันไปมา คล้ายกับใบพัดของเครื่องยนต์เทอร์โบ ทำให้เกิดการไหลเวียนของอากาศที่ดีขึ้นระหว่างการตัด ส่งผลให้ใบตัดเย็นลงและลดการสะสมของฝุ่นผง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของใบตัด

เหมาะกับ: การตัดแห้งและตัดน้ำ

ออกแบบมาเพื่อระบายความร้อนและลดฝุ่นได้ดี ทำให้สามารถใช้ตัดแห้งได้โดยไม่ทำให้ใบตัดร้อนเร็วเกินไป

การตัดน้ำจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานยิ่งขึ้น

ข้อดีของใบตัดแบบเทอร์โบ

  • ตัดได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ: การออกแบบฟันตัดแบบพิเศษช่วยให้ตัดคอนกรีตได้เร็วขึ้นและลดแรงเสียดทาน
  • ลดการสะสมของฝุ่น: การไหลเวียนของอากาศที่ดีขึ้นช่วยลดการสะสมของฝุ่นผง ทำให้การตัดสะอาดและมองเห็นแนวตัดได้ชัดเจน
  • ลดความร้อน: การระบายความร้อนที่ดีขึ้นช่วยยืดอายุการใช้งานของใบตัด
  • ลดเสียงรบกวน: การออกแบบใบตัดช่วยลดเสียงรบกวนขณะทำงาน

ข้อจำกัดของใบตัดแบบเทอร์โบ

  • ราคาสูงกว่าใบตัดแบบอื่น: เนื่องจากเทคโนโลยีการผลิตที่ซับซ้อนกว่า
  • อาจไม่เหมาะกับงานตัดที่ละเอียดอ่อน: เน้นการตัดที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความละเอียดสูง

ใบตัดแบบต่อเนื่อง (Continuous Rim Blade)

ใบตัดคอนกรีต ใบตัดแบบต่อเนื่อง (Continuous Rim Blade)

ใบตัดแบบต่อเนื่อง (Continuous Rim Blade) คือใบตัดคอนกรีตที่มีขอบใบตัดเป็นแผ่นเรียบต่อเนื่องตลอดทั้งวง ไม่มีร่องหรือฟันตัดแยกส่วน ทำให้เกิดการตัดที่เรียบเนียนและแม่นยำสูง เหมาะสำหรับงานตัดที่ต้องการความละเอียดและความสวยงามของผิวงาน เช่น การตัดกระเบื้อง หินอ่อน หรือคอนกรีตที่ต้องการผิวเรียบ

เหมาะกับ: การตัดน้ำเป็นหลัก

ขอบใบตัดเรียบต่อเนื่อง ไม่มีร่องระบายความร้อน ทำให้ร้อนเร็วเมื่อตัดแห้ง อาจส่งผลต่ออายุการใช้งาน

การตัดน้ำจะช่วยลดความร้อนและฝุ่น ทำให้การตัดราบรื่นและแม่นยำยิ่งขึ้น

ข้อดีของใบตัดแบบต่อเนื่อง

  • ตัดได้เรียบเนียนและแม่นยำ: ขอบใบตัดที่เรียบต่อเนื่องช่วยให้การตัดเป็นไปอย่างราบรื่น ลดการสั่นสะเทือน และให้ผิวงานที่เรียบเนียนสวยงาม
  • ลดการแตกหักของวัสดุ: เหมาะสำหรับการตัดวัสดุที่เปราะบางหรือมีแนวโน้มที่จะแตกหักง่าย เช่น กระเบื้อง หรือหินอ่อน
  • เสียงรบกวนต่ำ: การตัดที่ราบรื่นช่วยลดเสียงรบกวนขณะทำงาน

ข้อจำกัดของใบตัดแบบต่อเนื่อง

  • ตัดช้ากว่าใบตัดแบบอื่น: เนื่องจากไม่มีฟันตัดแยกส่วน ทำให้การตัดอาจช้ากว่าใบตัดแบบอื่นๆ
  • ไม่เหมาะกับงานตัดคอนกรีตเสริมเหล็ก: ขอบใบตัดที่เรียบอาจไม่แข็งแรงพอที่จะตัดเหล็กเสริมในคอนกรีตได้
  • ต้องระวังการสึกหรอ: ขอบใบตัดที่เรียบอาจสึกหรอได้ง่ายกว่าใบตัดแบบอื่นๆ หากใช้งานไม่ถูกต้อง

ใบตัดแบบเซกเมนต์ (Segmented Blade)

ใบตัดคอนกรีต ใบตัดแบบเซกเมนต์ (Segmented Blade)

ใบตัดแบบเซกเมนต์ (Segmented Blade) คือใบตัดคอนกรีตที่มีขอบใบตัดแบ่งออกเป็นส่วนๆ หรือ “เซกเมนต์” ซึ่งแต่ละเซกเมนต์จะมีฟันตัดเพชรฝังอยู่ การออกแบบนี้ช่วยให้ใบตัดมีประสิทธิภาพในการตัดสูง และระบายความร้อนได้ดี เหมาะสำหรับงานตัดคอนกรีตทั่วไป รวมถึงคอนกรีตเสริมเหล็ก

เหมาะกับ: การตัดแห้งและตัดน้ำ (เน้นน้ำมากกว่าแห้ง)

มีช่องว่างระหว่างเซกเมนต์ ช่วยระบายความร้อนได้ดีพอสมควร สามารถใช้ตัดแห้งได้ในงานที่ไม่หนักมาก

การตัดน้ำจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งาน ลดฝุ่นและความร้อนสะสม

ข้อดีของใบตัดแบบเซกเมนต์

  • ตัดได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ: ฟันตัดเพชรที่แข็งแรงและการออกแบบเซกเมนต์ช่วยให้ตัดคอนกรีตได้เร็วและมีประสิทธิภาพ
  • ระบายความร้อนได้ดี: ช่องว่างระหว่างเซกเมนต์ช่วยให้อากาศไหลเวียนได้ดี ลดความร้อนสะสม และยืดอายุการใช้งานของใบตัด
  • ทนทานต่อการสึกหรอ: ฟันตัดเพชรมีความแข็งสูง ทนทานต่อการสึกหรอจากการตัดคอนกรีตและเหล็กเสริม
  • ใช้งานได้หลากหลาย: เหมาะสำหรับงานตัดคอนกรีตทั่วไป รวมถึงคอนกรีตเสริมเหล็ก อิฐ และวัสดุแข็งอื่นๆ

ข้อจำกัดของใบตัดแบบเซกเมนต์

  • อาจทำให้เกิดการสั่นสะเทือน: การออกแบบเซกเมนต์อาจทำให้เกิดการสั่นสะเทือนขณะทำงาน ซึ่งอาจส่งผลต่อความแม่นยำในการตัดและความสบายในการใช้งาน
  • อาจไม่เหมาะกับงานตัดที่ต้องการผิวเรียบ: เนื่องจากมีฟันตัดแยกส่วน ผิวงานที่ได้อาจไม่เรียบเนียนเท่าใบตัดแบบต่อเนื่อง

การตัดแห้ง (Dry Cutting)

เป็นการตัดคอนกรีตโดยไม่ใช้น้ำหล่อเย็นใบตัดมักใช้กับเครื่องตัดขนาดเล็ก หรือในงานที่ไม่ต้องการความยุ่งยากในการจัดเตรียมน้ำ

ข้อดี:

  • สะดวก รวดเร็ว
  • ไม่ต้องเตรียมน้ำ ไม่เลอะเทอะข้อ

เสีย:

  • เกิดฝุ่นละอองจำนวนมาก อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
  • ใบตัดร้อนเร็ว ทำให้อายุการใช้งานสั้นลง
  • ประสิทธิภาพการตัดอาจลดลง เนื่องจากความร้อนและฝุ่น

การตัดน้ำ (Wet Cutting)

เครื่องตัดคอนกรีตขนาด12นิ้วเครื่องเลื่อยตัดคอนกรีต70CC เลื่อยเพชรแบบใช้มือจับกระเบื้อง

เป็นการตัดคอนกรีตโดยมีการฉีดน้ำหล่อเย็นใบตัดอย่างต่อเนื่องขณะทำงานมักใช้กับเครื่องตัดขนาดใหญ่ หรือในงานที่ต้องการความแม่นยำและลดฝุ่น

https://th.aliexpress.com/i/1005006448671538.html

ข้อดี:

  • ลดฝุ่นละออง ช่วยรักษาสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
  • ใบตัดเย็นลง ทำให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้น
  • ประสิทธิภาพการตัดดีขึ้น เนื่องจากลดความร้อนและฝุ่น

ข้อเสีย:

  • ต้องเตรียมน้ำและระบบจ่ายน้ำ อาจไม่สะดวกในบางสถานที่
  • อาจเกิดความเลอะเทอะจากน้ำที่กระเด็น

สั่งซิื้อใบตัดเพชร ตัดคอนกรีต

สามารสั่งกับเราได้นะครับ กดเข้าไปดูรายการ ใบตัดเพชร ตัดคอนกรีต ก่อนได้

หากสนใจติดต่อสั่งได้นะครับ

หน้าร้านอยู่ ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี

สอบถามหรือขอใบเสนอราคา ทักไลน์

LINE ID : @happym คลิกที่นี่เพื่อทักไลน์เลย

โทรสอบถามได้ที่: 085-926-9797 (คุณพล)

สรุปราคา โซ่สแตนเลส เกรด 304/316 ล่าสุด ปี2567 / 2568

โซ่สแตนเลสทั้งเกรด 304 และ 316 เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีความทนทานต่อการกัดกร่อนและไม่เป็นสนิม แต่ทั้งสองเกรดมีความแตกต่างกันในด้านองค์ประกอบทางเคมี ซึ่งส่งผลต่อคุณสมบัติและการใช้งานที่เหมาะสม

สแตนเลส เกรด 304

  • องค์ประกอบ: ประกอบด้วยโครเมียม 18% และนิกเกิล 8%
  • คุณสมบัติ:
    • ทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดีในสภาพแวดล้อมทั่วไป
    • ไม่เป็นสนิมง่าย
    • มีความแข็งแรงและทนทานต่อการสึกหรอ
    • ง่ายต่อการขึ้นรูปและเชื่อม
  • การใช้งาน:
    • อุปกรณ์เครื่องครัวและเครื่องใช้ในบ้าน
    • ชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องจักร
    • อุปกรณ์ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
    • งานตกแต่งและสถาปัตยกรรม

สแตนเลส เกรด 316

  • องค์ประกอบ: ประกอบด้วยโครเมียม 16% นิกเกิล 10% และโมลิบดีนัม 2%
  • คุณสมบัติ:
    • ทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดีกว่าเกรด 304 โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีคลอไรด์สูง เช่น น้ำทะเล หรือสภาพที่มีกรดและด่าง
    • มีความแข็งแรงและทนทานต่อการสึกหรอสูง
    • ง่ายต่อการขึ้นรูปและเชื่อม
  • การใช้งาน:
    • อุปกรณ์ทางทะเลและอุตสาหกรรมเคมี
    • อุปกรณ์ทางการแพทย์
    • เครื่องมือและอุปกรณ์ในสภาพแวดล้อมที่มีการกัดกร่อนสูง
    • งานก่อสร้างในบริเวณชายฝั่งทะเล

ราคาโซ่สแตนเลส 304/316 (Stainless Steel Chain)

โซ่สแตนเลสเป็นเส้นยาว ม้วนละ 50 – 100 เมตร สามารถบอกความยาวที่ต้องการได้เลยครับ เราตัดให้ได้

จะเอาเส้นละกี่เมตร จำนวนกี่เส้นก็ส่งได้เลย

หรือจะเอาเป็นเส้นยาวไปตัดเองตามหน้างานก็ได้ครับ

ขนาดราคาต่อเมตรสต๊อก
โซ่ สแตนเลส เกรด304 2 มิล65สต๊อกพร้อมส่ง
โซ่ สแตนเลส เกรด304 3 มิล80สต๊อกพร้อมส่ง
โซ่ สแตนเลส เกรด304 4 มิล130สต๊อกพร้อมส่ง
โซ่ สแตนเลส เกรด304 5 มิล150สต๊อกพร้อมส่ง
โซ่ สแตนเลส เกรด304 6 มิล180สต๊อกพร้อมส่ง
โซ่ สแตนเลส เกรด304 8 มิล450สต๊อกพร้อมส่ง
โซ่ สแตนเลส เกรด304 9 มิล520สต๊อกพร้อมส่ง
โซ่ สแตนเลส เกรด304 10 มิล700สั่งล่วงหน้า 1 -2 วัน
โซ่ สแตนเลส เกรด304 12 มิล1,100สั่งล่วงหน้า 1 -2 วัน
โซ่ สแตนเลส เกรด316 3 มิล160สั่งล่วงหน้า 1 -2 วัน
โซ่ สแตนเลส เกรด316 4มิล210สั่งล่วงหน้า 1 -2 วัน
โซ่ สแตนเลส เกรด316 5 มิล260สั่งล่วงหน้า 1 -2 วัน
โซ่ สแตนเลส เกรด316 6มิล350สั่งล่วงหน้า 1 -2 วัน
โซ่ สแตนเลส เกรด316 8มิล750สั่งล่วงหน้า 1 -2 วัน
โซ่ สแตนเลส เกรด316 9มิล1,000สั่งล่วงหน้า 1 -2 วัน
ตารางราคาโซ่สแตนเลส 304/316 ล่าสุด ปี2567 / 2568

โซ่บิดและอุปกรณ์มีแต่เกรด304 นะครับ

ขนาดราคาต่อเมตรสต๊อก
โซ่บิด สแตนเลส เกรด304 2 มิล88สต๊อกพร้อมส่ง
โซ่บิด สแตนเลส เกรด304 3 มิล130สต๊อกพร้อมส่ง
โซ่บิด สแตนเลส เกรด304 4 มิล250สต๊อกพร้อมส่ง
โซ่บิด สแตนเลส เกรด304 5 มิล370สต๊อกพร้อมส่ง
ตารางราคาโซ่บิดสแตนเลส 304/316 ล่าสุด ปี2567 / 2568

หากสนใจติดต่อสั่งได้นะครับ

หน้าร้านอยู่ ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี

สอบถามหรือขอใบเสนอราคา ทักไลน์

LINE ID : @happym คลิกที่นี่เพื่อทักไลน์เลย

โทรสอบถามได้ที่: 085-926-9797 (คุณพล)


อุปกรณ์ สำหรับ โซ่สแตนเลส

สเก็น ข้อต่อโซ่ สแตนเลส 304

ขนาด สเก็นยู + ราคา สเก็นยู

ขนาด สเก็นโอเมก้า + ราคา สเก็นโอเมก้า

ควิกลิงก์ ข้อต่อโซ่ สแตนเลส 304

ขนาด + ราคา

คาราบิเนอร์ สแนปฮุก สแตนเลส 304 (Carabiner Spring Snap Hooks)

ขนาด + ราคา

คาราบิเนอร์ สแนปฮุก แบบขันล็อคได้ สแตนเลส 304 (Carabiner Spring Snap Hooks With Screw)

ของใหม่!! กำลังนำเข้ามา.

คาราบิเนอร์ สแนปฮุก มีรูแขวน สแตนเลส 304 (Carabiner Spring Snap Hooks With Eye)

ของใหม่!! กำลังนำเข้ามา.


รับผลิตงานโซ่ยกปั๊มสแตนเลส

โซ่ยกปั๊มสแตนเลส เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการยกและเคลื่อนย้ายปั๊มน้ำ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่อยู่ในบ่อหรือถังเก็บน้ำ มีคุณสมบัติเด่นคือความแข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อน และไม่เป็นสนิม จึงเหมาะสำหรับใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง

คุณสมบัติสำคัญ:

  • วัสดุ: ผลิตจากสแตนเลสคุณภาพสูง มักเป็นเกรด 304 หรือ 316 ซึ่งมีความทนทานต่อการกัดกร่อนและสนิมได้ดี
  • ความแข็งแรง: มีความสามารถในการรับน้ำหนักสูง สามารถยกปั๊มหรืออุปกรณ์ที่มีน้ำหนักมากได้อย่างปลอดภัย
  • ความทนทาน: ทนทานต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น สภาพที่มีความชื้นสูง สภาพที่มีสารเคมี หรือสภาพที่มีการเสียดสีสูง
  • ไม่เป็นสนิม: ไม่เกิดสนิมแม้ใช้งานในสภาพที่มีความชื้นสูง จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยและอายุการใช้งานที่ยาวนาน

การใช้งาน:

  • ยกปั๊มน้ำ: ใช้สำหรับยกปั๊มน้ำขึ้นจากบ่อหรือถังเก็บน้ำ เพื่อทำการบำรุงรักษาหรือซ่อมแซม
  • ยกอุปกรณ์อื่นๆ: สามารถใช้ยกอุปกรณ์อื่นๆ ที่อยู่ในบ่อหรือถังเก็บน้ำ เช่น ท่อส่งน้ำ วาล์ว หรือตะแกรงกรองน้ำ
  • งานอุตสาหกรรม: ใช้ในงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต้องการโซ่ที่มีความแข็งแรง ทนทาน และไม่เป็นสนิม

โซ่แขวนโคมไฟสแตนเลส

โซ่แขวนโคมไฟสแตนเลสเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการตกแต่งบ้านและพื้นที่ต่างๆ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ ทำให้โซ่ชนิดนี้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย

1. ความทนทานและแข็งแรง:

  • สแตนเลสมีความแข็งแรงทนทานสูง สามารถรับน้ำหนักของโคมไฟได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่
  • ทนต่อการสึกหรอและการฉีกขาดได้ดี ทำให้โซ่ไม่เสียหายง่ายแม้ใช้งานเป็นเวลานาน

2. ทนต่อการกัดกร่อน:

  • สแตนเลสมีคุณสมบัติทนต่อการเกิดสนิมและการกัดกร่อนได้ดีเยี่ยม จึงเหมาะสำหรับใช้งานทั้งภายในและภายนอกอาคาร โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหายจากสภาพอากาศหรือความชื้น

3. ความสวยงามและความเรียบง่าย:

  • สแตนเลสมีผิวสัมผัสที่เรียบเนียนและเงางาม ให้ความรู้สึกหรูหราและทันสมัย เข้ากับสไตล์การตกแต่งที่หลากหลาย
  • โซ่สแตนเลสมีความเรียบง่ายแต่สวยงาม สามารถนำมาตกแต่งร่วมกับโคมไฟได้หลากหลายรูปแบบ

4. ความสะอาดและง่ายต่อการบำรุงรักษา:

ไม่จำเป็นต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

5. ความยืดหยุ่นในการใช้งาน:

สแตนเลสทำความสะอาดง่าย เพียงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดก็เพียงพอ

  • โซ่แขวนโคมไฟสแตนเลสมีหลายขนาดและความยาวให้เลือก สามารถปรับความยาวได้ตามต้องการเพื่อให้เหมาะกับความสูงของเพดานและขนาดของโคมไฟ
  • สามารถนำไปใช้แขวนโคมไฟได้หลากหลายประเภท ทั้งโคมไฟระย้า โคมไฟเพดาน หรือโคมไฟติดผนัง

6. ความปลอดภัย:

โซ่สแตนเลสมีความแข็งแรงและทนทานสูง จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยในการใช้งาน ไม่ต้องกังวลเรื่องโคมไฟหล่นหรือเสียหาย


หากสนใจติดต่อสั่งได้นะครับ

หน้าร้านอยู่ ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี

สอบถามหรือขอใบเสนอราคา ทักไลน์

LINE ID : @happym คลิกที่นี่เพื่อทักไลน์เลย

โทรสอบถามได้ที่: 085-926-9797 (คุณพล)

ข้อดีและข้อเสียของการสั่งของออไลน์แต่ละที่วันนี้!!

สั่งของออไลน์

การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์กับแต่ละแพลตฟอร์มมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการและความสะดวกของลูกค้าแต่ละราย ลองมาดูการเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละช่องทางกันครับ

สั่งบน Shopee

ข้อดี

มีสินค้าหลากหลายประเภทให้เลือกมากมาย

มีโปรโมชั่นและส่วนลดบ่อยครั้ง

มีระบบการจัดส่งที่สะดวกและรวดเร็ว

มีระบบรีวิวสินค้าจากผู้ซื้อจริง ช่วยในการตัดสินใจ

ข้อเสีย

อาจมีสินค้าปลอมหรือไม่ได้คุณภาพปะปนอยู่

การติดต่อกับผู้ขายอาจทำได้ยากในบางกรณี

การคืนสินค้าหรือขอเงินคืนอาจมีความซับซ้อน

สั่งบน Lazada

ข้อดี

มีสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำให้เลือกซื้อ

มีระบบการจัดส่งที่รวดเร็วและเชื่อถือได้

มีระบบการรับประกันสินค้าคืนเงิน

ข้อเสีย

สินค้าอาจมีราคาสูงกว่าแพลตฟอร์มอื่น

โปรโมชั่นและส่วนลดอาจมีน้อยกว่า Shopee

การค้นหาสินค้าที่ต้องการอาจทำได้ยาก

สั่งบน Tiktok

ข้อดี

สามารถดูรีวิวสินค้าแบบวิดีโอได้ ช่วยให้เห็นภาพสินค้าชัดเจนขึ้น

มีไลฟ์สดขายสินค้า ทำให้สามารถสอบถามข้อมูลสินค้าได้ทันที

มีโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะใน TikTok

ข้อเสีย

สินค้าอาจมีคุณภาพไม่แน่นอน

การจัดส่งสินค้าอาจใช้เวลานานกว่าแพลตฟอร์มอื่น

ระบบการคืนสินค้าหรือขอเงินคืนอาจมีความซับซ้อน

มีพนักงานน้อยมาก มีแต่ระบบ AI

สั่งบน NocNoc

ข้อดี

เน้นสินค้าตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์

มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย

มีบริการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญมีบริการติดตั้งสินค้า

ข้อเสีย

สินค้าอาจมีราคาสูง

การจัดส่งสินค้าอาจใช้เวลานาน

อาจมีตัวเลือกสินค้าไม่มากเท่าแพลตฟอร์มอื่น

สั่งบน Line Shopping

ข้อดี

ใช้งานง่าย สะดวกสำหรับผู้ใช้ Line

มีโปรโมชั่นและส่วนลดจากร้านค้าที่ร่วมรายการ

สามารถติดต่อกับผู้ขายผ่าน Line ได้โดยตรง

ข้อเสีย

สินค้าอาจมีตัวเลือกไม่มากเท่าแพลตฟอร์มอื่น

การจัดส่งสินค้าอาจใช้เวลานาน

ระบบการคืนสินค้าหรือขอเงินคืนอาจมีความซับซ้อน

สั่งบนเว็บตัวเอง

ข้อดี

สามารถควบคุมภาพลักษณ์แบรนด์และประสบการณ์ลูกค้าได้เต็มที่

ไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชั่นให้แพลตฟอร์มออนไลน์

สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อทำการตลาดได้

ข้อเสีย

ต้องลงทุนในการสร้างและดูแลเว็บไซต์

ต้องมีระบบการจัดการคำสั่งซื้อและการจัดส่งสินค้าเอง

อาจต้องใช้เวลาในการสร้างความน่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้า

มาสั่งที่หน้ร้าน

ข้อดี

สามารถเห็นและสัมผัสสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ

สามารถสอบถามข้อมูลสินค้ากับพนักงานได้ทันที

ได้รับสินค้าทันที ไม่ต้องรอการจัดส่ง

ข้อเสีย

ต้องเดินทางไปที่ร้าน

อาจมีสินค้าให้เลือกไม่มากเท่าการสั่งซื้อออนไลน์

อาจมีเวลาเปิด-ปิดร้านจำกัด

สรุป

การเลือกช่องทางการสั่งซื้อสินค้าขึ้นอยู่กับความต้องการและความสะดวกของลูกค้าแต่ละราย หากต้องการความสะดวก รวดเร็ว และมีตัวเลือกสินค้ามากมาย

การสั่งซื้อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่อย่าง Shopee หรือ Lazada อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากต้องการสินค้าเฉพาะทางหรือต้องการเห็นสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ การสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ของร้านค้าเองหรือมาสั่งที่ร้านโดยตรงอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

Update Happy Metal Contact

ขอแจ้งข้อมูลเบอร์ติดต่อ อีเมล์ และตำแหน่งปัจจุบัน ครับ

ที่อยู่

88/11 ม.6
ต.ลาดหลุมแก้ว
อ.ลาดหลุมแก้ว
จ.ปทุมธานี
12140

Location: https://maps.app.goo.gl/evizEPgD98FHWdsb9

TEL: 085-926-9797

EMAIL: [email protected] (email ลงท้ายด้วย .co นะครับ ไม่ใช่ .com)

เครื่องผลิตจานทรายเรียงซ้อน

เครื่องผลิตจานทรายเรียงซ้อน หรือที่เรียกว่าเครื่องทำ Flap Disc เป็นเครื่องจักรที่ใช้ในการประกอบและผลิตจานทรายเรียงซ้อน ซึ่งเป็นเครื่องมือขัดชนิดหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ เครื่องนี้ทำงานโดยการเรียงซ้อนแผ่นผ้าทรายเข้าด้วยกันบนฐานรองหลัง จากนั้นจึงยึดติดแผ่นผ้าทรายเหล่านี้ด้วยกาวหรือเรซิน

ส่วนประกอบหลักของเครื่องผลิตจานทรายเรียงซ้อน

  • ระบบป้อนผ้าทราย: ส่วนนี้จะทำหน้าที่ป้อนแผ่นผ้าทรายเข้าสู่เครื่อง
  • ระบบเรียงซ้อน: ส่วนนี้จะทำหน้าที่เรียงซ้อนแผ่นผ้าทรายให้เป็นชั้นๆ ตามขนาดและรูปแบบที่ต้องการ
  • ระบบยึดติด: ส่วนนี้จะทำหน้าที่ยึดติดแผ่นผ้าทรายเข้ากับฐานรองหลังด้วยกาวหรือเรซิน
  • ระบบควบคุม: ส่วนนี้จะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเครื่องทั้งหมด รวมถึงการตั้งค่าต่างๆ เช่น ขนาดของจานทราย, จำนวนชั้นของผ้าทราย, และความเร็วในการผลิต
https://www.skdengineering.cn/

ประเภทของเครื่องผลิตจานทรายเรียงซ้อน

  • เครื่องกึ่งอัตโนมัติ: เครื่องประเภทนี้จะต้องมีผู้ควบคุมคอยป้อนผ้าทรายและควบคุมการทำงานบางส่วน
  • เครื่องอัตโนมัติ: เครื่องประเภทนี้สามารถทำงานได้เองโดยอัตโนมัติทั้งหมด ตั้งแต่การป้อนผ้าทรายไปจนถึงการผลิตจานทรายสำเร็จรูป

ทรายเรียงซ้อนที่ดี ควรมีคุณสมบัติต่อไปนี้

  • คุณภาพของผ้าทราย: ผ้าทรายควรมีความทนทานสูง สามารถทนต่อการเสียดสีและแรงกดได้ดี และมีอายุการใช้งานยาวนาน
  • ความคมของเม็ดทราย: เม็ดทรายควรมีความคมและแข็งแรง เพื่อให้สามารถขัดผิววัสดุได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
  • การกระจายตัวของเม็ดทราย: เม็ดทรายควรกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งแผ่นผ้าทราย เพื่อให้การขัดผิวเป็นไปอย่างสม่ำเสมอและไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนผิววัสดุ
  • ความยืดหยุ่นของแผ่นรองหลัง: แผ่นรองหลังควรมีความยืดหยุ่นพอเหมาะ เพื่อให้สามารถปรับตัวเข้ากับรูปทรงของชิ้นงานได้ดี และช่วยลดแรงสั่นสะเทือนขณะใช้งาน
  • ความแข็งแรงของกาวหรือเรซิน: กาวหรือเรซินที่ใช้ยึดติดแผ่นผ้าทรายกับแผ่นรองหลังควรมีความแข็งแรงทนทาน เพื่อป้องกันการหลุดร่อนของแผ่นผ้าทรายขณะใช้งาน
  • ความเหมาะสมกับงาน: ควรเลือกทรายเรียงซ้อนให้เหมาะสมกับลักษณะงานและวัสดุที่ต้องการขัด เช่น งานขัดหยาบ, งานขัดละเอียด, งานขัดผิวโค้ง, หรือวัสดุที่เป็นโลหะ, ไม้, พลาสติก เป็นต้น

นอกจากนี้ ทรายเรียงซ้อนที่ดีควรมาจากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงและเชื่อถือได้ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์

เปลี่ยนล้อประตูรั้วไม่ยาก วันนี้เรามาเปลี่ยนล้อประตูรั้วกันครับ!!

เปลี่ยนล้อประตูบ้าน

0. เตรียมของให้พร้อม

ผมจะบอกว่า การที่จะเตรียมของให้พร้อมจริงๆนั้นกับงานช่างแล้ว เป็นอะไรที่ยากมากพอสมควร นอกจากว่าคุณจะมีเครื่องไม้เครื่องมือพรั่งพร้อมเหมือนช่าง หรือไม่เป็นเป็นช่างอะไรสักอย่างก่อนอยู่แล้ว ทำให้ขาดเหลืออะไรก็หยิบเครื่องมือออกมาจากในลังได้เลย

ฉนั้นหากอยากเตรียมพร้อมแบบวิ่งไปซื้อของมาทีเดียวเลย ให้อ่านจบก่อนสักรอบ แล้ววิ่งไปดูประตูบ้านของตัวเอง ว่าถ้าทำตามแล้วจะไม่เกิดปัญหาตามมาอีกที

อุปกรณ์ที่ผมใช้ในเรื่องนี้ก็จะมี

  • ประแจเลื่อน 2 ตัว ใหญ่ตัวนึง เล็กตัวนึง
  • มีที่อยู่ในครัว
  • สเปรย์จารบีขาว (อันนี้กระป๋องละ 310 บาท)
  • ล้อประตูรั้ว 3 นิ้ว กว้าง 1-1/4 รูน็อต 1/2 จำนวน 2 ตัว พอดีแตกแค่ 2 ตัวเลยเปลี่ยนแค่ 2 ตัว
  • ไม่ยาวๆ 1 ท่อ
  • หมอนไม้ เอามายกประตู
  • มีผ้าเอาไว้เช็ดมือ เช็ดสนิม สักผืนก็ดี

1. เริ่มต้นสำรวจประตูบ้านกันก่อน

ชุดล้อประตูรั้ว

จากที่เจอลูกค้าเข้ามาถามมากมายทำให้ผมรู้ว่าแต่ละคนขาดอะไรบ้าง ทีนี้คนที่มาซื้อล้อประตูรั้วมีหลากหลายรูปแบบที่เข้ามา เช่น

คนที่ไม่รู้อะไรเลย

ไม่ว่าจะ หุน นิ้ว กว้าง ยาว สูง ช่างบอกให้ซื้อของก็เลยเริ่มหาข้อมูลใน Google อาจจะมาเจอเนื้อหาอันนี้ก่อนหรือหลังที่ซื้อของเสร็จแล้วก็ได้ จะบอกว่า กลุ่มนี้ต้องพึ่งช่างเยอะหน่อย เครื่องมือในการวัดอาจจะมีแค่ไม้บรรทัด อาจจะซื้อของผิดๆถูกๆได้ ความจริงถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนี้ ผมแนะนำให้จ้างช่างไปเลย

วิธีจ้างช่างก็คือ บอกเค้าไปตรงๆนี่แหละว่าประตูล้อหน้าบ้านมันฝืด รับบริการเปลี่ยนล้อให้ไหม ถ้าตกลงกันปกติแล้วก็จะไม่คิดมัดจำกันด้วย ช่างดีๆหน่อยก็จะนัดว่าวันใหนเมื่อใหร่ มีการติดตามนัดล่วงหน้าก่อนเข้าหน้างานจริงๆ เพราะเค้าไม่ซื้อของแล้วไปรอทำหรอก บ้านแต่ละคนขนาดก็ไม่ตรงกัน อาจจะมีมอเตอร์อัตโนมัติ รวมถึงพื้นทรุด ที่ล้อมันไม่หมุนหรือฝืดอาจจะเป็นเพราะอย่างอื่นทำให้ฝืดก็ได้

ถ้ามาตามนัด เค้าก็จะมาดูหน้างาน ตกลงกันเสร็จจะจ่ายก่อนไปซื้อของ หรือซื้อก่อนจ่ายค่าทำ ก็ตามตกลงกัน หลังจากไปซื้อของมา ถ้าเปลี่ยนล้อ ก็ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมงเสร็จ

ค่าใช้จ่าย ก็คิดว่า ช่าง 1-2 คน จำนว 1 วัน + ค่าเดินทาง + ค่าของ อาจจะสัก 2000 ขึ้นไปอ่ะนะ

กลุ่มคนที่มีความรู้ความสามารถ

ขาดแค่แนวทางในการหาของมาเปลี่ยน ไม่ว่าจะเรียนอะไรมาก แต่รู้ว่ามันก็แค่ขันน็อต เปลี่ยนล้อและพอรู้ว่าตลับล้อฝืดคืออะไร กลุ่มนี้ให้วัดของให้ตรง ถ้ามีเครื่องมือ ลองแกะล้อออกมาเพื่อเช็ค หรือก็ลองตรวจดูก่อนว่าปัญหาคือล้อจริงๆใช่ไหม ถ้าจริงก็หาซื้อของแล้วลงมือโลด ไม่น่าจะติดปัญหาอะไร

กลุ่มช่างที่ทำงานประตูอยู่แล้ว

ถามจริงๆเหอะ ว่ามาอ่านแบบนี้ทำไม ไปทำงานได้แล้ว


2. เลือกซื้อล้อประตูมาใส่ให้ตรงขนาดเดิม

การเลือกซื้อล้อประตูนั้นหากจะแนะนำให้ง่ายและดีที่สุดนั่นก็คือ “เลือกซื้อให้เหมือนของเดิม” การซื้อขนาดเดิม แบบเดิม ทรงเดิม ร่องเดิม วัสดุเดิม ยิ่งถ้าได้ยี่ห้อเดิมได้ด้วยก็จะยิ่งดีมาเปลี่ยน จะทำให้เราไม่ต้องปรับอะไรอย่างอื่นเลย

ถามว่าปรับในที่นี่ปรับอะไรบ้าง

  1. ถ้าล้อเล็กลง ระดับจะเตี้ยลง หูช้างล็อคกุญแจจะไม่ตรงตำแหน่งเดิม ถ้ามีมอเตอร์ประตู ประตูก็จะแขวนบนมอเตอร์ จนเผลอๆหนักจนไม่หมุนจนพังอีก ตัวประคองที่ทำไว้พอดีหากประตูเตี้ยลง ก็อาจจะล้มลงมาทับคนได้
  2. หากล้อใหญ่ขึ้น ก็จะคล้ายๆกับเล็กลง คือระดับต่างๆเปลี่ยนไป การเปลี่ยนไปในทางที่สูงจะทำให้ติดขัดๆ อาจจะเลื่อนไม่สุดเพราะติดขอบบนของตัวกันล้มก็ได้ หากมีมอเตอร์ประตูก็ต้องตั้งค่ารางให้ลงมาลงฟันเฟืองพอดี ไม่งั้นก็เฟืองเสีย

ล้อประตูในแต่ละยี่ห้อ ก็จะมี ขนาดเส้นผ่านศุนย์กลางพอๆกัน อาจจะต่างกันนิดๆหน่อยๆ มีหน้กว้างพอๆกัน และมีรูน็อตพอๆกัน สิ่งที่ทำให้ระดับประตูต่างกันอีกก็จะมีความลึกของร่องล้อ หากหายี่ห้อเดิมไม่ได้จริงๆ ตอนที่เอาไปติดตั้งก็ต้องตั้งค่านิดๆหน่อยเพื่อให้ใช้งานได้ดี

หากต้องการจะเปลี่ยนทั้งเสื้อล้อ อันนี้ก็ต้องยากหน่อย เพราะต้องเอาของเดิมออก แล้วก็เอาอันใหม่เชื่อมเข้าไป งานทั้งหมดถ้าเชื่อมได้ก็โอเคเลย ทำเลยครับ

สิ่งที่จำเป็นต้องรู้ตอนเลือกล้อก็คือ

  1. เส้นผ่านศุนย์กลางล้อ ชอบเรียกหน่วยเป็นนิ้วกัน
  2. หน้ากว้างล้อ หน่วยเป็นนิ้วบ้าง มิลบ้าง ต้องเลือกซื้อให้ตรง ไม่งั้นอาจจะใส่เข้าไปในร่องเดิมมันไม่ได้
  3. รูน็อต อันนี้ต้องรู้ว่าใช้น็อตกี่หุน หรือกี่มิล ดีที่ในตลาดก็มีแค่ 3หุน กับ 4หุน เป็นส่วนใหญ่
  4. ร่องของราง ให้ดูล้อเดิมเป็นหลัก ว่ากลม หรือ เป็นฉาก
  5. วัสดุที่ใช้ทำล้อ เป็นล้อเหล็ก หรือ ล้อสแตนเลส หรืออาจจะเป็นซุปเปอร์ลีนสีขาวก็ได้
  6. อันนี้ตัวเสริมก็คือยี่ห้อ บางยี่ห้อก็มีประทับตราลงไป บางอันก็ไม่มี

3. เริ่มถอดล้อประตู

การจะถอดล้อประตูรั้วมาดูแล อย่าไปคิดว่าเราต้องถอดประตูออกมาทั้งบานนะครับ ทำให้มันเล็กเข้าไว้

แค่เอาไม้มาสอด แล้วงัดขึ้นให้ล้อมันลอยก็ได้แล้ว อาจจะลอยได้ไม่สูงมากเพราะติดตัวกันล้ม แต่ก็แต่แค่นี้ก็สามารถขันเปลี่ยนได้แล้ว

*** จะลองสอดแล้วยก เพื่อเช็คแต่ละลูกให้เสร็จก่อนก็ได้นะ จะได้ดูว่า แตกกี่ลูก หรือมันแค่ฝืด ***

ล้อลอยจากพื้นแล้ว เอามือหมุนดูได้เลย

จากนั้นก็เอาประแจถอดเลย

บางบ้าน อาจจะเจอช่าง เอาเครื่องเชื่อม เชื่อมหัวน็อตไว้ เพื่อไม่ให้น็อตคลายออกจากกัน มันเ้ป็นวิธีการที่ดีตอนติดตั้ง แต่ว่าถ้าเป็นคนมาเปลี่ยนล้อก็จะกุมขมับหน่อยน่ะครับ

เมื่อเกลียวของน็อตล้อเสียแล้ว วิ่งที่ต้องทำก็จะงอกเพิ่มขึ้นมา นั่นก็คือ การตัดน็อตเดิมออก เพื่อถอดล้อออกมา แล้วก็อย่าลืมซื้อน็อตใหม่มาด้วย


4. หยอดน้ำมันหล่อลื่น

ล้อประตูที่ขายในตลาดจะมีลูกปืนอยู่ข้างในเป็นตลับ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรุ่นที่มีฝาพลาสติกปิดอยู่ เราก้แค่เอาของแหลมๆ แงะฝาออกมาเลยครับ

ไม่ได้ยากเย็นอะไร แงะออกมาทั้ง 2 ด้านได้เลย

เมื่อเราเห็นใส้ในมัน เราก็จะรู้ได้แล้วแหละว่า มันแตกเพราะอะไร หรือมันแค่ฝืด หรือมีอะไรเข้าไปขัดในตลับ

ลองฉีดจารบีเพื่อหล่อลื่นแล้วหมุนมันก่อนเพื่อเช็คว่าแตกหรือไม่ก็ได้

เราควนใช้จาบรีนะครับ ไม่ว่าจะเป็นหลอด เป็นกระปุก สีใหนก็ได้ สำหรับประตูบ้านไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น

พยายามอย่าใช้พวก Sonax นะครับ มันไม่เหมาะ มันช่วยล้างคราบสนิมได้ดี แต่ว่ามันไม่ลื่น ถ้าจะใช้ก็ใช้ล้างคราบก่อน แล้วก็ฉีดจารบีลงไปเลย

ในที่นี่ผมใช้ WD-40 ที่เป็นจารบีขาวนะครับ อย่าซื้อผิดฉลาดนะ เอาไว้ใช้หล่อลื่นงานพวกบูซ แล้วมันก็จะกันน้ำด้วย ทำให้น้ำเข้าได้ยากขึ้น มีขายตามร้านต่างๆทั่วไปเลย

ตอนฉีด มันก็จะเข้าไปในร่องด้วย แล้วเราก็หมุนๆ ให้มันลื่นๆหน่อย


5. ใส่กลับที่เดิม

จากนั้นก็ใส่กลับไปที่เดิม

มาถึงตรงนี้ก็ไกล้เสร็จแล้ว ทำวนไปทุกๆล้อที่เรามี หรือถ้าจะทำแค่ล้อที่มีปัญหาก็ไม่ว่ากัน

ทีนี้ล้อประตูรั้วของเราก็วิ่งใหลลื่น ลื่นปี๊ดๆครับ ไม่งั้นถ้าทิ้งไว้นานๆ ปัญหาอื่นตามมาอีก


6. ทำความสะอาดก่อนจบงาน

เราเอามีทำครัวมาใช้งานมือที่โดนจารบีจับจนมีดเลอะไปทั้งอัน ก็เลยต้องล้างทำความสะอาดให้ดีนะ ใช้ผงซักฟอก หรือพวกน้ำยาล้างจานก็ได้ หากไม่หมดในรอบแรก ก็อาจจะต้องหลายๆรอบหน่อย

จารบีขาว ไม่เหนียมมาก น้ำยาล้างจานล้างไม่เกิน 2 รอบก็ล้างออกหมดแล้วครับ

เครื่องไม้เครื่องมือก็เช็ดล้างให้ดี จะได้ใช้งานได้นานๆ ส่วนสเปย์จารบีใช้งานไปรอบนี้ ถึงจะฉีดเยอะขนาดใหนก็ไม่หมดกระปุกแน่นอน ยังเก็บเอาไว้ฉีดอย่างอื่นได้อีกเยอะแยะ เช่นบูซประตูที่ต้องหมุนอยู่ตลอด หรือพวกตัวประคองประตูที่ต้องหมุนประคองบาน ก็สามารถ

สู้ๆนะทุกคน ขอให้ประตูลื่นๆ